กรุงเทพฯ--7 เม.ย.--กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับเป็นเจ้าภาพจัดงานวันท่องเที่ยวโลกปี พ.ศ. 2559 ในนามประเทศไทย จากมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2558 ซึ่งประเทศไทยได้รับการรับรองจากที่ประชุมสมัชชาองค์การการท่องเที่ยวโลก (UNWTO General Assembly) เมื่อกันยายน 2558 ณ เมืองเมเดยิน สาธารณรัฐโคลัมเบีย ในหัวข้อ "การท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวล การเข้าถึงที่เท่าเทียม" (Tourism for All, Promoting universal accessibility) ทั้งนี้ ทุกวันที่ 27 กันยายนของทุกปี กำหนดให้เป็นวันเฉลิมฉลองวันท่องเที่ยวโลกอย่างเป็นทางการ
นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวหลังการประชุม การเตรียมการเป็นเจ้าภาพจัดงานวันท่องเที่ยวโลก (World Tourism Day 2016) ว่า กระทรวงการท่องเที่ยว
และกีฬาเตรียมความพร้อมอย่างเต็มกำลังในการรับการเป็นเจ้าภาพจัดงานวันท่องเที่ยวโลก โดยมีการจัดกิจกรรมระหว่างวันที่ ๒๖-๒๘ กันยายน ๒๕๕๙ ประกอบด้วย พิธีเปิดงาน โดย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีให้เกียรติเป็นประธานในวันอังคารที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๕๙ ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล การปาฐกถาพิเศษโดยวิทยากรชั้นนำจากองค์การการท่องเที่ยวโลก การแถลงข่าว การเสวนาระดมสมองผู้บริหารระดับสูงการจัดนิทรรศการ และการศึกษาดูงานทั้งในกรุงเทพมหานครและจังหวัดขอนแก่น ซึ่งการจัดงาน วันท่องเที่ยวโลกครั้งนี้ของประเทศไทยถือเป็นโอกาสอันดีในการแสดงให้เห็นถึงความพร้อมของการเข้าถึง ด้านการท่องเที่ยวในทุกมิติ และการมีส่วนร่วมของภาคส่วนต่างๆ เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ศักยภาพ ความพร้อมในการรองรับนักท่องเที่ยวในทุกภูมิภาคของไทยไม่จำกัดอยู่เฉพาะเมืองหลวงและการสร้างภาพลักษณ์ด้านการเป็นเจ้าบ้านที่ดี ตลอดจนการรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและธุรกิจไมซ์ของประเทศไทยในอนาคต
ทั้งนี้ ประเทศไทยจะได้รับประโยชน์มากมายจากการเป็นเจ้าภาพจัดงานวันท่องเที่ยวโลกโดยเฉพาะการสร้างความเชื่อมั่นด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทย และการแสดงศักยภาพความพร้อมของการเป็นเจ้าภาพในเวทีระดับโลก รวมถึงการประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์อันดีด้านการท่องเที่ยวไทย โดยเฉพาะ การอำนวยความสะดวกด้านการท่องเที่ยวให้กับนักท่องเที่ยวทุกกลุ่มประเภท ทุกช่วงอายุ ที่สามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยวและบริการด้านการท่องเที่ยวที่น่าประทับใจ ตลอดจนโอกาสในการสร้างเครือข่ายกับหน่วยงานด้านการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ และที่สำคัญการเติบโตของรายได้จากการท่องเที่ยว และการ สร้างงาน สร้างรายได้ไปสู่ทุกภาคส่วนโดยเฉพาะชุมชนในท้องถิ่น นายพงษ์ภาณุ กล่าวทิ้งท้าย