กรุงเทพฯ--27 ม.ค.--ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
นางนงราม วงษ์วานิช กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด อนุมัติให้เริ่มใช้กำหนดการชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์ใหม่ จากเดิมภายในวันทำการที่ 3 หรือ T+3 เป็น ภายในวันทำการที่ 2 หรือ T+2 โดยให้ มีผลสำหรับหลักทรัพย์ที่ซื้อขายตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2548 เป็นต้นไป
“การปรับระยะเวลาชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์จาก 3 วันทำการเป็น 2 วันทำการหลังวันซื้อขายหลักทรัพย์ หรือ T+2 จะทำให้ผู้ลงทุนได้รับชำระเงินค่าขายหลักทรัพย์เร็วขึ้น จากเดิมที่ต้องรอในวันทำการที่ 3 ถัดจากวันที่ขายหลักทรัพย์
ในขณะที่การส่งมอบหลักทรัพย์ในวันทำการที่ 2 ถัดจากวันที่ขาย ก็สามารถทำได้สะดวก เนื่องจากปัจจุบัน ร้อยละ 68 ของหลักทรัพย์ที่อยู่ในระบบรับฝากหลักทรัพย์เป็นระบบไร้ใบหลักทรัพย์ (Scripless) อยู่แล้ว การโอนหุ้นจึงทำได้อย่างรวดเร็วและมั่นใจได้ในความปลอดภัย การปรับลดระยะเวลาเป็น T+2 ไม่ส่งผลกระทบต่อการยืนยันการซื้อขายระหว่างบริษัทสมาชิกกับผู้ลงทุนแต่อย่างใด กล่าวคือ บริษัทสมาชิก จะยังคงดำเนินการแจ้งเป็นหนังสือในวันทำการที่ 1 หลังวันซื้อขาย (T+1) เช่นเดิม
นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด จะรณรงค์ส่งเสริมการชำระราคาระหว่างบริษัทสมาชิกและผู้ลงทุนผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Fund Transfer-EFT) ซึ่งจะทำให้บริษัทสมาชิกและผู้ลงทุนได้รับความสะดวกรวดเร็วในการโอนเงินค่าซื้อและค่าขายหลักทรัพย์ผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งสามารถทำได้กับทุกธนาคาร
“ปัจจุบันมีผู้ลงทุนเพียงร้อยละ 11 เท่านั้น ที่มีการชำระราคาค่าซื้อขายหลักทรัพย์ด้วยเช็ค ซึ่งผู้ลงทุนที่ใช้ระบบ ดังกล่าว สามารถเปลี่ยนมาชำระเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมแต่อย่างใด โดยเพียงแต่ติดต่อกับบริษัทสมาชิกที่เป็นลูกค้าอยู่ได้ทันที” นางนงรามกล่าว
การปรับระยะเวลาการชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์เป็นวันทำการที่ 2 ถัดจากวันที่ซื้อขายหรือ T+2 ในครั้งนี้ เป็นการดำเนินงานที่สอดคล้องกับตามมาตรฐานสากล รวมถึงยังเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์ของตลาดทุนไทย นอกจากนี้ ยังมีส่วนที่จะช่วยเพิ่มสภาพคล่องในการซื้อขายหลักทรัพย์มากขึ้นอีกด้วย ซึ่งปัจจุบันตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศที่ใช้ระบบ T+2 ได้แก่ เยอรมัน ฮ่องกง เกาหลี ไต้หวัน และอินเดีย
“ในส่วนของลูกค้าต่างประเทศที่ชำระเงินผ่านคัสโตเดียนนั้น บ.ศูนย์รับฝากฯ ได้หารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ขอผ่อนผันให้สถาบันการเงินไม่ต้องขออนุญาตก่อนเป็นรายกรณี หากมีการแลกเงินตราต่างประเทศเป็นเงินบาทเพื่อซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งจะลดภาระในการดำเนินงานของ คัสโตเดียน ซึ่งธปท.เห็นชอบในหลักการแล้วและอยู่ระหว่างแก้ไขเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องและคาดว่าจะประกาศใช้ในเดือนกุมภาพันธ์ 2548 นี้ ” นาง นงรามกล่าว
ทั้งนี้ บริษัทศูนย์รับฝากฯ จะชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายก่อนเริ่มใช้ระบบดังกล่าว รวมทั้ง จะแก้ไขประกาศคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประทศไทยว่าด้วยหลักเกณฑ์เงื่อนไขและวิธีการในการประกอบการเป็นสำนักหักบัญชี และจะขอความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ก่อนประกาศใช้ต่อไป
รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อส่วนสื่อมวลชนสัมพันธ์ ฝ่ายสื่อสารองค์กร :
ลดาวัลย์ กันทวงศ์ โทร. 0-2229 - 2036 /
กุลวิดา จินตกะวงส์ โทร. 0-2229 - 2037 /
ณัฐพร บุญประภา โทร. 0-2229 - 2049--จบ--