ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดเผยผู้ประกอบการเอสเอ็มอีต้องการศักยภาพทางการเงินระดับภูมิภาคเพื่อเอื้อต่อการขยายตัว

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday April 7, 2016 11:51 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--7 เม.ย.--ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด เกือบครึ่งของผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ในสิงคโปร์คาดว่า รายได้จะเติบโตขึ้นจากการขยายตัวไปต่างประเทศ และหลายรายมองหาช่องทางตอบสนองความต้องการทางการเงินในระดับภูมิภาคเพื่อเอาชนะความท้าทายดังกล่าว เผยผลสำรวจปี 2016 ด้านการเติบโตและการเงินของเอสเอ็มอี โดยสหพันธ์ธุรกิจสิงคโปร์ร่วมกับธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด ผลการสำรวจดังกล่าวมาจากการสอบถามความเห็นของผู้บริหารกิจการเอสเอ็มดีกว่า 300 รายเกี่ยวกับแนวโน้มความเติบโต โอกาสทางธุรกิจและความต้องการทางการเงินเพื่อขยายตัวไปต่างประเทศ การลงทุนในต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น ให้ความมั่นใจในแง่รายได้ เกือบครึ่งของผู้ตอบแบบสำรวจ (45%) คาดว่า รายได้ในปี 2016 จะเติบโตขึ้น โดยเกือบ 60% ระบุว่า การดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจนอกประเทศสิงคโปร์ที่เพิ่มขึ้นจะขับเคลื่อนรายได้ให้เติบโตขึ้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงในการขยายฐานผู้บริโภค จากการที่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเริ่มมองหาโอกาสในประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น เอสเอ็มอีเอเชียพุ่งเป้าขยายธุรกิจไปยังอินเดีย อินโดนีเซีย กัมพูชา และจีน ในปี 2016 กว่า 40% ของผู้ตอบแบบสำรวจมีแนวโน้มจะขยายธุรกิจไปยังสี่ประเทศดังกล่าว เนื่องจากมีความได้เปรียบในแง่ความใกล้ชิดทางภูมิศาสตร์ จนไปถึงทรัพยากรที่มีอยู่ และขนาดของตลาดภายในประเทศดังกล่าวที่มีขนาดใหญ่ หนึ่งในห้าของผู้บริหารระบุว่า จะขยายไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่ (19%) และมุ่งปรับตัวให้เข้ากับตลาดให้มากขึ้น (17%) เพื่อขยายการเติบโต ธนาคารที่มีศักยภาพระดับภูมิภาคเป็นที่ต้องการ แต่มีเพียงไม่กี่รายที่ตอบสนองความต้องการได้ ผู้ตอบแบบสำรวจระบุว่า พบปัญหาความท้าทายหลายประการเมื่อขยายตลาดไปยังต่างประเทศ โดย 7 ใน 10 รายบอกว่า พวกเขาประสบปัญหาในการเข้าถึงแหล่งทุนเมื่อไม่มีหลักฐานที่พิสูจน์ว่าเคยทำธุรกิจในประเทศนั้นๆ กว่าครึ่งเชื่อว่าธนาคารที่ตนใช้บริการไม่มีศักยภาพในการสร้างสัมพันธภาพกับธนาคารในประเทศที่ต้องการจะเข้าไปดำเนินธุรกิจ (56%) ในการหาพันธมิตรทางธุรกิจในต่างประเทศที่ตรงกับความต้องการ (55%) หรือเข้าใจตลาดต่างประเทศ (58%) ข้อจำกัดในการเข้าถึงแหล่งทุนในประเทศปลายทางและความเชี่ยวชาญของเอสเอ็มอี เป็นประเด็นสำคัญที่เป็นอุปสรรคต่อแผนการขยายตัวไปต่างประเทศของเอสเอ็มอี เอสเอ็มอีมองว่า ความเชี่ยวชาญในตลาดคือกุญแจสู่ความสำเร็จในการขยายตัวของธุรกิจ ในการดำเนินธุรกิจในตลาดต่างประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ 42% ของผู้ตอบแบบสำรวจระบุว่า จะต้องร่วมมือใกล้ชิดกับธนาคารที่เป็นพันธมิตรในประเทศที่จะเข้าไปดำเนินธุรกิจ ขณะที่ 32% มีแผนจะร่วมมือกับธนาคารในสิงคโปร์ที่มีบริการทางการเงินข้ามพรมแดน การที่เอสเอ็มอีต้องการขยายการลงทุนไปยังต่างประเทศ ศักยภาพด้านการธนาคารในประเทศที่ต้องการเข้าไปดำเนินธุรกิจด้วยยิ่งมีความสำคัญเป็นอันดับแรก นางเวเนสซา เหลียง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงาน Commercial Banking ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์สิงคโปร์กล่าวว่า "ในการเข้าไปดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ไม่มีหลักฐานการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศมาก่อนมักประสบปัญหาในการเข้าถึงบริการทางการเงินและการธนาคาร ดังนั้น การเลือกพันธมิตรด้านการธนาคารที่สามารถสนับสนุนกลยุทธ์การเติบโตของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีได้ จึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง ธนาคารจะต้องเข้าใจผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในประเทศของตน และมีเครือข่ายที่เข้มแข็งในภูมิภาคที่ให้บริการแบบองค์รวมเพื่อตอบสนองความต้องการทางการเงินของเอสเอ็มอีได้ครอบคลุมทั่วทั้งภูมิภาค และในเวลาเดียวกัน ยังต้องสามารถให้ข้อมูลและการวิเคราะห์เชิงลึกเกี่ยวกับตลาดต่างประเทศ ธนาคารดังกล่าวจะมีบริการข้ามพรมแดนที่ตอบโจทย์ได้ครบถ้วนเพื่ออำนวยให้เอสเอ็มอีสามารถบริการจัดการธุรกรรมทางการเงินและการธนาคารได้เต็มที่จากภายในประเทศต้นทาง" จำเป็นต้องมีความตระหนักมากขึ้นในเรื่องประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) และความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (ทีพีพี) เพื่อคว้าโอกาสที่เกิดขึ้นให้เป็นประโยชน์ เอสเอ็มอีส่วนใหญ่ที่ตอบแบบสำรวจระบุว่า เคยได้ยินเกี่ยวกับเออีซี (63%) และทีพีพี (58%) แต่มีเพียงไม่กี่รายที่ตระหนักว่าข้อตกลงและความร่วมมือดังกล่าวเกี่ยวกับอะไร และมีเป้าหมายอะไร อย่างน้อย 4 ใน 10 รายไม่ทราบด้วยซ้ำว่าข้อตกลงระดับภูมิภาคเหล่านี้จะมีผลกระทบต่อการเติบโตทางธุรกิจของพวกเขาหรือไม่ (47% สำหรับเออีซี และ 43% สำหรับทีพีพี) "ข้อตกลงอย่างทีพีพี หรือเอเอซีเปิดโอกาสใหม่ๆมากมายให้แก่นักธุรกิจสิงคโปร์ที่ต้องการขยายไปต่างประเทศ การคว้าโอกาสที่เกิดขึ้นเหล่านี้ไว้ให้ได้มากที่สุด และพัฒนาศักยภาพตลอดเวลา จะช่วยให้ธุรกิจรักษาความสามารถในการแข่งขันไว้ได้และมีความพร้อมที่จะก้าวหน้าและเติบโตต่อไป ขอกระตุ้นให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีต่อยอดความแข็งแกร่งของแบรนด์สิงคโปร์เพื่อขยายธุรกิจออกไปสู่ตลาดภูมิภาคมากยิ่งขึ้น" นายโก๊ะ ตัด เหลียง รองผู้อำนวยการบริหารด้านสร้างเสริมศักยภาพของสหพันธ์ธุรกิจสิงคโปร์กล่าวสรุป

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ