กรุงเทพฯ--7 เม.ย.--โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา
โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา ประกาศแผนการขยายธุรกิจและการสร้าง แบรนด์ในต่างประเทศ เริ่มด้วยการเปิดให้บริการโรงแรมในประเทศโดฮา, มัสกัต, ดูไบ, คิวบา และ ตุรกี ในอนาคตอันใกล้ โดยปัจจุบันเซ็นทาราเป็นผู้ให้บริการโรงแรมและรีสอร์ทที่มีความหลากหลาย ในส่วนของประเทศไทย ปัจจุบันโรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทาราเปิดให้บริการในหลากหลายภูมิภาค และรองรับการให้บริการในทุกระดับ ส่วนในตลาดต่างประเทศก็มีสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง เนื่องจากมีโรงแรมตั้งอยู่ในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ เช่น มัลดีฟส์, ศรีลังกา, เวียดนาม และบาหลี
ทั้งนี้ เซ็นทารามีกำหนดเปิดให้บริการโรงแรม 2 แห่งแรกในภูมิภาคตะวันออกกลาง คือที่กรุงโดฮา เมืองหลวงของประเทศกาตาร์ และกรุงมัสกัต เมืองหลวงของประเทศโอมาน ภายในไตรมาสที่ 4 ของปี พ.ศ. 2559 นี้ โดยโรงแรมเซ็นทาราแกรนด์เวสต์เบย์ ตั้งอยู่ใจกลางย่านเวสต์เบย์ซึ่งเป็นย่านธุรกิจและแหล่งช้อปปิ้งของกรุงโดฮา ภายในโรงแรมประกอบด้วยห้องพักมาตรฐานและห้องสวีทรวม 261 ห้อง และอพาร์ทเม้นท์จำนวน 96 ยูนิต ที่มีให้เลือกตั้งแต่ขนาด 1 - 3 ห้องนอน และนอกจากนี้เซ็นทารายังจะนำห้องอาหารไทยยอดนิยม ที่มีชื่อว่า "สวนบัว" ไปเปิดให้บริการ พร้อมกับห้องอาหารอื่นๆ อีก 4 แห่ง สำหรับชั้นดาดฟ้าจะเป็นที่ตั้งของห้องอาหารสุดพิเศษที่มอบทิวทัศน์อันสวยงามรอบๆ ตัวเมือง พร้อมสระว่ายน้ำ และโซนสำหรับพักผ่อน ในด้านสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ จะมี สปาเซ็นวารี สปาที่ได้รับรางวัลการันตีมากมาย ซึ่งจะให้บริการสิ่งอำนวยความสะดวกที่แยกสำหรับชายและหญิง รวมทั้งห้องอาบน้ำฮัมมัมแบบส่วนตัว นอกจากนั้น ยังมีห้องบิสซิเนส และคลับเลานจ์ไว้คอยบริการผู้ที่เข้าพักในห้องระดับคลับ รวมทั้งมีห้องบอลรูม และสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการประชุมที่ครบครัน
สำหรับ โรงแรมเซ็นทารามัสกัต ในประเทศโอมาน จะประกอบด้วยห้องพัก 152 ห้อง ในทำเลใจกลางเมืองอันแสนสะดวกสบาย พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครันตามแบบฉบับของเซ็นทารา ซึ่งได้แก่ สปาเซ็นวารี, ห้องออกกำลังกาย, ห้องประชุม, พื้นที่จัดประชุมและอีเว้นท์ขนาดใหญ่ ตลอดจนเลานจ์สุดพรีเมี่ยม และพื้นที่บนชั้นดาดฟ้าพร้อมสระว่ายน้ำสำหรับจัดงานอีเว้นท์ที่เป็นส่วนตัว
นอกจากนั้น เซ็นทารายังเตรียมเพิ่มโรงแรมอีก 2 แห่งในกรุงโดฮา ในรัฐกาตาร์ ซึ่งได้แก่ โรงแรมเซ็นทาราเวสต์เบย์เรสซิเดนซ์และสวีท ในย่านเวสต์เบย์ใกล้กันกับโรงแรมเซ็นทาราแกรนด์เวสต์เบย์ โดยมีกำหนดเปิดให้บริการภายในไตรมาส 2 ของปี พ.ศ.2560 ส่วนโรงแรมที่จะเปิดให้บริการในปีถัดไปใน พ.ศ. 2561 จะเป็นโรงแรมหรูแห่งที่ 3 ของเซ็นทาราในย่านเวสต์เบย์ของกรุงโดฮา ซึ่งจะให้บริการห้องพักทั้งสิ้น 514 ห้อง
ทั้งนี้ เซ็นทาราได้ร่วมมือกับ นาคีล บริษัทผู้ทำธุรกิจอสังหริมทรัพย์รายใหญ่ระดับโลก ในโครงการพัฒนาโรงแรมระดับ 4 ดาวแห่งใหม่ ซึ่งมีกำหนดเปิดให้บริการในปี พ.ศ. 2601 บนเกาะเดียราในประเทศดูไบ โดยรีสอร์ทแห่งนี้จะอยู่ติดชายหาด และมีสวนน้ำขนาดใหญ่ เหมาะสำหรับการมาพักของครอบครัวมากที่สุด โดย คริส เบลีย์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา ได้กล่าวว่า "เรามีความเชื่อมั่นว่า โครงการโรงแรมชายทะเลระดับ 4 ดาวสำหรับครอบครัวที่ดูไบ จะต้องเป็นโครงการที่ประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน"
นอกจากนั้น เป็นจุดหมายปลายทางสำหรับขยายธุรกิจโรงแรมอีกประเทศหนึ่งของเซ็นทารา คือ สาธารณรัฐคิวบา โดยเตรียมเปิดให้บริการโรงแรมเซ็นทาราแกรนด์บีชรีสอร์ท คาโย กิลเยร์โม ซึ่งให้บริการห้องพัก 250 ห้อง เป็นแห่งแรก และยังเป็นโรงแรมระดับ 5 ดาวแห่งแรกของเซ็นทาราในภูมิภาคนี้ด้วย ซึ่งจะเป็นการมอบโอกาสให้ลูกค้าประจำที่มั่นใจในชื่อเสียงและผลงานของเซ็นทารา ได้ท่องเที่ยวไปยังสถานที่แปลกใหม่ที่มีความสะดวกสบายตามมาตรฐานของเซ็นทารารออยู่ โดยรีสอร์ทแห่งนี้จะสะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จของโรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ไอส์แลนด์รีสอร์ทและสปา มัลดีฟส์ เมื่อครั้งเปิดตัวห้องพักประเภทโอเวอร์วอเตอร์วิลลา หรือวิลลาเหนือน้ำเป็นครั้งแรก ทั้งนี้ รีสอร์ทฯ มีกำหนดเปิดให้บริการในช่วงปลายปี พ.ศ. 2560 โดยปัจจุบัน เซ็นทารากำลังอยู่ระหว่างการจัดเตรียมโครงการโรงแรมใหม่อีก 2 แห่ง ในทำเลที่จะส่งเสริมเกื้อหนุนกันและกัน
สำหรับโรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ลิเคียเวิลด์รีสอร์ทและสปา เป็นโครงการขยายโรงแรมไปสู่ประเทศตุรกีเป็นครั้งแรก โดยมีทำเลอยู่ในเมืองเดนิซยาคา ระหว่าง เมืองเบเลคและเมืองโบราณซิเด บนชายฝั่งของแม่น้ำโคปรูเค รีสอร์ทฯ ประกอบด้วยห้องพัก 449 ห้อง ห้องอาหาร 10 แห่ง และบาร์ 10 แห่ง และจะนำเสนอแพ็คเกจการเข้าพักแบบออลอินคลูซีฟซึ่งรวมบริการทุกอย่างไว้ครบครัน เพื่อให้แขกที่มาพักได้พบกับประสบการณ์ในวันหยุดโดยที่ไม่จำเป็นต้องพกเงินสดมาด้วย โดยธีระยุทธ จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา กล่าวว่า "ผมเชื่อว่า คงจะดีไม่น้อยถ้าเซ็นทาราได้เปิดตัวไปสู่ประเทศในทวีปยุโรป ด้วยการนำการให้บริการในแบบไทยๆ ที่มีคุณภาพตามมาตราฐานสากลในแบบฉบับเซ็นทารา มาผสมผสานกันกับวัฒนธรรมในท้องถิ่นที่โรงแรมตั้งอยู่ เพราะจะเป็นโอกาสในการมอบประสบการณ์การเข้าพักที่มีความพิเศษมากที่สุดให้กับแขกของเรา"
ทั้งนี้ หมู่เกาะมัลดีฟส์ นับเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่เซ็นทาราให้ความสำคัญมากที่สุดมาโดยตลอด และเป็นแรงบันดาลใจให้เซ็นทาราเดินหน้าขยายโรงแรมเพิ่มขึ้นอีก 4 แห่งในภูมิภาคเดียวกัน โดยที่ผ่านมามีการกำหนด กลยุทธ์และสร้างจุดขายให้กับสินค้าและบริการของโรงแรมที่เปิดให้บริการในปัจจุบันทั้ง 2 แห่ง โดยโรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ไอส์แลนด์ ซึ่งเปิดให้บริการมานานกว่า 6 ปี นับเป็นโรงแรมแห่งแรกที่นำเสนอคอนเซ็ปต์ของการเข้าพักที่ปลอดภัยไร้กังวลมากที่สุดสำหรับครอบครัว
โดย คริส เบลีย์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา กล่าวสรุปในตอนท้ายว่า "เรามีความมั่นใจมากว่า การให้ความสำคัญกับการให้บริการเป็นอันดับแรกตามสูตรเดียวกันที่ใช้กับโรงแรมในทวีปเอเชีย จะเป็นที่ชื่นชอบในอีกหลายๆ ประเทศเช่นกัน เรามีความพร้อมที่จะส่งมอบประสบการณ์ของการพักผ่อนที่ดี พร้อมการบริการที่มีคุณภาพ ที่สะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมของเซ็นทารา และการต้อนรับในแบบไทยๆ ซึ่งมีความอบอุ่น อ่อนโยน และเอาใจใส่ เพื่อรองรับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาของนักท่องเที่ยว เรารู้สึกตื่นเต้นมากกับโครงการใหม่ๆที่กำลังจะเกิดขึ้น และจะกลับมาอัพเดทสถานที่ที่น่าสนใจใหม่ๆ ที่เซ็นทาราเตรียมนำโรงแรมและรีสอร์ทไปเปิดให้บริการ ให้ทุกคนได้ทราบในช่วงปลายปีนี้"
ทั้งนี้ แผนการขยายธุรกิจในครั้งนี้ จะทำให้โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทาราเติบโตไปอีกขึ้น โดยในปัจจุบัน โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารามีจำนวนห้องพักทั้งสิ้นกว่า 14,000 ห้อง จาก 6 แบรนด์ภายในเครือ ทั้งในประเทศแถบเอเชีย, มหาสมุทรอินเดีย และตะวันออกกลาง ซึ่งครอบคลุมทั้งโรงแรมในเมือง, รีสอร์ทในเมืองท่องเที่ยวอื่นๆ และ รีสอร์ทติดทะเลในเมืองตากอากาศ