กรุงเทพฯ--8 เม.ย.--การประปาส่วนภูมิภาค
สมาคมการประปาแห่งประเทศไทย (สปปท.) ร่วมกับการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) กรมทรัพยากรน้ำ (ทน.) สถาบันน้ำแห่งภูมิภาคเอเชีย (AWA) และ The International Water Association (IWA) จัดสัมมนาหัวข้อ "เกณฑ์การกำหนดนโยบายสาธารณะและการกำกับการให้บริการน้ำอุปโภคบริโภค การสาธารณสุข และการจัดการน้ำเสีย" หรือ The Lisbon Charter: Guiding the Public Policy and Regulation of Drinking Water Supply, Sanitation andWastewater Management Services and Aqua Rating: an International Standard ในวันที่ 7 เมษายน 2559 เวลา 09.00 น. ณ ห้องประชุม ชั้น 2 อาคารประปาวิวัฒน์ สำนักงานใหญ่ กปภ.
นายสมชาย มนต์บุรีนนท์ รองผู้ว่าการ (วิชาการ) การประปาส่วนภูมิภาค ในฐานะนายกสมาคมการประปาแห่งประเทศไทย (สปปท.) เปิดเผยว่า สถาบันน้ำแห่งภูมิภาคเอเชีย (AWA) ให้ความสำคัญกับประเทศไทยในฐานะที่เป็นหนึ่งในสมาชิกประชาคมอาเซียนซึ่งมีศักยภาพในการพัฒนาเศรษฐกิจสูงและชุมชนเมืองขยายตัวอย่างรวดเร็ว จึงเหมาะสมที่จะประยุกต์ใช้เกณฑ์ "The Lisbon Charter" ซึ่งกำหนดขึ้นโดย The International Water Association (IWA) และได้รับการยอมรับจากกลุ่มประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป เพื่อให้เป็นกรอบสำหรับการกำหนดนโยบายสาธารณะ การบริหารจัดการที่ดีและการกำกับดูแลการให้บริการน้ำอุปโภคบริโภค การสาธารณสุข และการจัดการน้ำเสีย ส่งผลให้เกิดความชัดเจนเกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่ของผู้เกี่ยวข้องและผู้ใช้บริการทุกภาคส่วน ดังนั้น สปปท. กปภ. ทน. AWA และ IWA ได้ร่วมกันจัดสัมมนา เรื่อง"เกณฑ์การกำหนดนโยบายสาธารณะและการกำกับการให้บริการน้ำอุปโภคบริโภค การสาธารณสุข และการจัดการน้ำเสีย"หรือ The Lisbon Charter: Guiding the Public Policy and Regulation of Drinking Water Supply, Sanitation and Wastewater Management Services and Aqua Rating: an International Standard ในวันที่ 7 เมษายน 2559 เวลา 09.00 น. ณ ห้องประชุม ชั้น 2 อาคารประปาวิวัฒน์ สำนักงานใหญ่ กปภ. โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับ The Lisbon Charter สำหรับวิศวกร นักวิทยาศาสตร์ ภาคการอุตสาหกรรม ผู้บริหาร องค์กรที่เกี่ยวข้อง และผู้ใช้บริการน้ำอุปโภคบริโภค การสาธารณสุขและการจัดการน้ำเสีย ตลอดจนร่วมกันศึกษาความเป็นไปได้ที่จะนำ The Lisbon Charter มาในประเทศไทยและประชาคมอาเซียน ทั้งนี้ มีผู้สนใจเข้าร่วมงานเป็นจำนวนประมาณ 150 คนจากหลากหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมชลประทาน กรมทรัพยากรน้ำบาดาล องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สภาอุตสาหกรรม ภาคเอกชน เป็นต้น
นายสมชาย มนต์บุรีนนท์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ความรู้ที่ได้จากการสัมมนาดังกล่าว จะช่วยเพิ่มพูนความรู้แก่มวลสมาชิก อีกทั้งเปิดโอกาสให้มีการศึกษาร่วมกัน ปรึกษาหารือ แลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์เพื่อพัฒนาวิชาชีพการประปาให้ได้มาตรฐานเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ