โอกาสการลงทุนในตลาดคอนโดมิเนียม

ข่าวทั่วไป Thursday June 23, 2005 15:49 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--23 มิ.ย.--ซีบี ริชาร์ด เอลลิส
บริษัท ซีบี ริชาร์ด เอลลิส ( ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย ได้แถลงข่าวเกี่ยวกับตลาดคอนโดมิเนียมในประเทศไทยว่า ได้รับความสนใจมากขึ้นจากทั้งนักลงทุนชาวไทยและชาวต่างชาติ
ด้านความต้องการในตลาดคอนโดมิเนียมเพื่อการลงทุนและเพื่อการเข้าพักอาศัยเองยังคงมีอยู่มากโดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการที่ตั้งอยู่ในย่านใจกลางธุรกิจ (ซีบีดี) หรือตามแนวรถไฟฟ้าบีทีเอสและรถไฟฟ้าใต้ดินความต้องการที่เพิ่มสูงนั้นเห็นได้จากความต้องการคอนโดมิเนียมทุกขนาด ทั้งจากห้องชุดแบบสตูดิโอไปจนถึงขนาด 4 ห้องนอน และห้องเพนท์เฮ้าส์ ทั้งในโครงการระดับเกรดเอและเกรดบี
ภาวะตลาดคอนโดมิเนียมในตอนนี้ที่ดำเนินไปในทิศทางบวก เกิดจากการที่ตลาดให้เช่าที่พักอาศัยมีการเติบโตที่ดี ประกอบกับอัตราการเข้าพักอาศัยที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนอัตราเฉลี่ยห้องว่างของคอนโดมิเนียมในย่านใจกลางกรุงเทพฯ ได้ลดลงมาจากเกือบ 50% ในปี 2541 มาอยู่ที่ระดับ 10.5 % เท่านั้น ณ ไตรมาสแรกของปี 2548
จากการสำรวจล่าสุดโดยฝ่ายวิจัยและพัฒนาของ ซีบี ริชาร์ด เอลลิส กรุงเทพฯ ในไตรมาสแรกของปี 2548 จำนวนคอนโดที่มีอยู่ในกรุงเทพฯ มีทั้งหมด 39,515 ยูนิต ซึ่งแบ่งเป็นทำเลดังต่อไปนี้ 21.1 % ตั้งอยู่ในย่านใจกลางธุรกิจแถบสาทร (ถนนสีลม สาทร และสวนพลู) 8.8 % ในย่านใจกลางลุมพินี (ถนนวิทยุ เพลินจิต หลังสวน และราชดำริ) 34.4% ในย่านสุขุมวิท (สุขุมวิท ซอย 1-63 และสุขุมวิท ซอย 2-44) 8.8% ในย่านปทุมวัน (ถนนพญาไท และพหลโยธิน) และอีก 26.9% ในย่านริมแม่น้ำ (ถนนพระราม 3 เจริญกรุง และเจริญนคร)
นอกจากนี้ การสำรวจดังกล่าวยังพบว่า มีโครงการคอนโดมิเนียมที่เปิดตัวในช่วงปี 2546 — 2548 จำนวน 83 โครงการ คิดเป็น 14,093 ยูนิต โดยมีกำหนดจะแล้วเสร็จในช่วงปี 2548 — 2551 จากปริมาณห้องชุดดังกล่าว 63% จะเป็นโครงการที่ตั้งอยู่ในย่านซีบีดีสาทรและสุขุมวิท รวมทั้งสามารถทำยอดขายไปได้ถึงเกือบ 70% ซึ่งมาจากความต้องการของผู้ที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยและนักลงทุนระยะยาว
ซีบี ริชาร์ด เอลลิส เชื่อว่า โครงการคอนโดมิเนียมในย่านใจกลางเมืองกรุงเทพฯ ได้รับความสนใจจากต่างชาติเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้เนื่องมาจากการออกแบบและคุณภาพของสินค้ามีการพัฒนาดีขึ้นมาก จึงทำให้คอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ สามารถแข่งขันกับสินค้าในเมืองใหญ่อื่น ๆ ได้ทั่วโลก นอกจากนี้ เรายังสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงในด้านรูปแบบการใช้ชีวิตของคนไทยรุ่นใหม่ว่า เปลี่ยนจากการที่พักอาศัยในบ้านเดี่ยวมาเป็นคอนโดมิเนียม ซึ่งแนวโน้มดังกล่าวเห็นได้อย่างชัดเจนในกลุ่มพนักงานบริษัทเอกชน
นางสาวอลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการบริหาร บริษัท ซีบี ริชาร์ด เอลลิส (ประเทศไทย) จำกัด ได้ให้ความเห็นว่า นับตั้งแต่ตลาดเริ่มฟื้นตัวในปี 2545 ราคาก็ปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยราคาในปัจจุบันอยู่ในระดับที่สูงกว่าช่วงก่อนเกิดวิกฤตเศรษฐกิจแล้ว โดยในระยะ 3 ปีที่ผ่านมา ราคาได้ปรับตัวสูงขึ้นในระดับ 20% -50% ซึ่งเห็นได้จากตัวอย่างราคาคอนโดมิเนียมระดับเกรดเอในย่านซีบีดีแถบสาทรในปี 2545 อยู่ที่ 65,000 — 70,000 บาทต่อตารางเมตร ในขณะที่ปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 85,000 — 120,000 บาทต่อตารางเมตร
หากเปรียบเทียบกับประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเดียวกันแล้ว จะพบว่า ราคาคอนโดมิเนียมระดับเกรดเอในกรุงเทพฯ มีราคาต่ำกว่ามาก ตัวอย่างเช่น ราคาคอนโดมิเนียมระดับเกรดเอในฮ่องกงอยู่ที่ 840,000 บาทต่อตารางเมตร ในสิงคโปร์อยู่ที่ระดับ 300,000 บาทต่อตารางเมตร และในเซี่ยงไฮ้อยู่ที่ระดับ 100,000 บาทต่อตารางเมตร นอกจากนี้ระดับอัตราผลตอบแทนจะอยู่ที่ 1.5% สำหรับตลาดในฮ่องกง 3% สำหรับตลาดในสิงคโปร์ และ 4%-6% สำหรับตลาดในเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นระดับเดียวกับตลาดในกรุงเทพ ฯ แต่สินค่าของเราคุณภาพและการออกแบบที่ดีกว่า
ชาวต่างชาติที่ต้องการซื้อคอนโดมิเนียมในประเทศไทย สามารถซื้อคอนโดมิเนียมแบบมีกรรมสิทธิในที่ดินได้ (Freehold) แต่ต้องถือครองไม่เกิน 49% ของพื้นที่ขายรวมในโครงการนั้น ๆ และต้องซื้อด้วยเงินสดเท่านั้น โดยปรกติ ธนาคารในประเทศไทยจะไม่มีการอนุญาตให้ผู้ที่มิใช่คนไทยหรือที่ไม่มีใบอณุญาตให้พำนักในประเทสไทยได้อย่างถาวรกู้ยืมเงินได้ อย่างไรก็ตาม บางธนาคารได้เริ่มมีการปล่อยกู้สำหรับลูกค้าของสาขาที่อยู่ในต่างประเทศ
เหตุผลที่นักลงทุนระยะยาวเข้ามาลงทุนในตลาดคอนโดมิเนียมของกรุงเทพฯ ก็เนื่องมาจาก ตลาดซื้อขายที่พีกอาศัยมือสองมีความตื่นตัว ซึ่งทำให้มีความเป็นไปได้สูงที่มูลค่าของห้องชุดจะเพิ่มขึ้นเทื่อเวลาผ่านไป และตลาดให้เช่าที่พักอาศัยสำหรับชาวต่างชาติก็มีความเติบโตที่ดี หากนักลงทุนสนใจที่จะปล่อยเช่าห้องชุดดังกล่าว รวมทั้ง ค่าครองชีพก็อยู่ในระดับที่ต่ำ นอกจากนั้น นักลงทุนดังกล่าวโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากต่างชาติยังต้องการมีรูปแบบการใช้ชีวิตที่ดีในระดับราคาที่ไม่สูงมากนัก หากเปรียบเทียบกับเมืองใหญ่อื่น ๆ
ซีบี ริชาร์ด เอลลิส ได้ทำการสำรวจลักษณะของนักลงทุนในตลาดคอนโดมิเนียมจากห้องชุดตัวอย่างจำนวน 1,249 ยูนิต และพบว่า 7% ของนักลงุนดังกล่าวซื้อห้องชุดขนาด 1 ห้องนอน 49% ซื้อห้องชุดขนาด 2 ห้องนอน 33% ซื้อห้องชุดขนาด 3 ห้องนอน 8% ซื้อห้องชุดขนาด 4 ห้องนอน และอีก 3% ซื้อห้องชุดแบบเพ็นท์เฮ้าส์ โดยมีนักลงทุนต่างชาติ 5 อันดับแรกที่เข้ามาลงทุนในตลาดได้แก่ ชาวอังกฤษ 17% ชาวอเมริกัน 15% ชาวสิงคโปร์ 9% ชาวฝรั่งเศส 8% และชาวฮ่องกง 6%
ปัจจุบัน ปริมาณที่พักอาศัยสำหรับให้เช่าในตลาดเพิ่มขึ้นเพียง 1-2% เท่านั้นต่อปี ขณะที่ปริมาณชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยเพิ่มขึ้นในอัตรา 10 — 13% ต่อปี ดังนั้น นี่จึงเป็นโอกาสอย่างมากที่ห้องชุดคอนโดมิเนียมจะเข้ามารองรับความต้องการที่ยังคงมีอยู่มากในตลาดให้เช่าที่พักอาศัย
“จากการที่ได้ผลตอบแทนในระดับ 4%- 6% รวมทั้งมูลค่าเพิ่มของทรัพย์สิน (Capital Gain) ที่ผ่านมาอยู่ในระดับที่น่าพอใจ จึงทำให้การเป็นเจ้าของห้องชุดคอนโดมิเนียมที่ตั้งอยู่ในย่านที่ดีเยี่ยมกำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ และเป็นทางเลือกในการลงทุนที่น่าสนใจอีกทางหนึ่งสำหรับนักลงทุนไทยและต่างชาติ” นางสาวอลิวัสสากล่าวสรุป
เกี่ยวกับบริษัท ซีบี ริชาร์ด เอลลิส
บริษัท ซีบี ริชาร์ด เอลลิส เป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำระดับโลก ที่ให้บริการแบบครบวงจร มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในนครลอสแองเจลลิส ให้บริการแก่ เจ้าของโครงการ นักลงทุน และผู้ซื้อรายย่อย ครอบคลุมตลาดมากกว่า 300* แห่ง ใน 50* ประเทศทั่วโลก
บริษัท ซีบี ริชาร์ด เอลลิส เริ่มเปิดให้บริการในประเทศไทยครั้งแรกในปีพ.ศ.2531 โดยให้บริการด้านการเป็นตัวแทนในการซื้อ ขาย และให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ประเภทบ้าน คอนโดมิเนียม อพาร์ตเมนท์ เซอร์วิส อพาร์ตเมนท์ อาคารสำนักงาน ธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจอุตสาหกรรม โรงแรม ที่ดิน และให้บริการด้านการให้คำปรึกษา ซึ่งรวมถึง การให้บริการให้คำปรึกษาด้านการลงทุน การวิจัยตลาด และการประเมินราคาทรัพย์สิน นอกจากนี้ ยังให้บริการในด้านการบริหารอสังหาริมทรัพย์ด้วยมาตรฐานในระดับสากล หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการให้บริการ สามารถเข้าชมได้ที่ www.cbre.co.th
* รวมสำนักงานที่เป็นหุ้นส่วน
ติดต่อข้อมูลเพิ่มเติ่ม:
นางสาวอลิวัสสา พัฒนถาบุตรกรรมการผู้จัดการ 02 654 1111
นางสาวงามใจ เจียรจรัส ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารองค์กร 02 654 1111 ต่อ 522--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ