กรุงเทพฯ--19 เม.ย.--สุพรรณบุรี ฟุตบอล อะคาเดมี
เปิดใจ "บุญชู จันทร์สุวรรณ" เบื้องหลังโปรเจ็คยักษ์ "ดอร์ทมุนด์-สุพรรณบุรี ฟุตบอล อะคาเดมี" ผู้หวังยกระดับเมืองขุนแผนเป็นต้นแบบอุตสาหกรรมส่งออกแข้งเยาวชน
กลายเป็นที่ฮือฮาเมื่อสโมสรโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ แชมป์บุนเดสลีกา เยอรมนี 8 สมัย ร่วมเซ็นสัญญาผนึกกำลังเป็นพันธมิตรกับ องค์การบริหารส่วนจังหวัดสุพรรณบุรี และ บริษัท สุพรรณบุรี ฟุตบอล อะคาเดมี จำกัด ในการสร้าง "สุพรรณบุรี ฟุตบอล อะคาเดมี" หรือ SPFA ศูนย์ฝึกลูกหนังระดับเยาวชนครบวงจรแห่งแรกของเมืองไทย ซึ่งเบื้องหลังสำคัญที่ทำให้โปรเจ็คยักษ์ชิ้นนี้เป็นจริงขึ้นมาได้ มาจากความตั้งใจของ นายบุญชู จันทร์สุวรรณ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุพรรณบุรี ผู้ที่มีใจรักและทุ่มเท หวังยกระดับเมืองขุนแผนให้เป็นจังหวัดต้นแบบในการพัฒนาเยาวชนไทยให้สามารถใช้การเล่นฟุตบอลสร้างมูลค่าให้กับตัวเองได้ พร้อมประกาศตัวว่าจะทำจังหวัดสุพรรรบุรีเป็น "อุตสาหกรรมส่งออกนักฟุตบอล" อย่างเต็มตัว
นายบุญชู จันทร์สุวรรณ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุพรรณบุรี พร้อมด้วย นายธีรรัตน์ จึงยิ่งเรืองรุ่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สุพรรณบุรี ฟุตบอล อะคาเดมี จำกัด และคณะผู้บริหารจากเมืองไทย ลัดฟ้าเยือนประเทศเยอรมนี ร่วมเซ็นสัญญาผนึกกำลังเป็นพันธมิตรกับสโมสร โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ แชมป์บุนเดสลีกา เยอรมนี 8 สมัย ในการสร้างโปรเจกต์ "สุพรรณบุรี ฟุตบอล อะคาเดมี" หรือ SPFA ศูนย์ฝึกลูกหนังระดับเยาวชนครบวงจรแห่งแรกของเมืองไทย เพื่อต่อยอดสู่โครงการ "ดรีม 11" เฟ้นหาแข้งเยาวชนไทยฝีเท้าดีจากทั่วประเทศ 18 ราย ปลุกปั้นสู่การเป็นนักฟุตบอลอาชีพเต็มตัว จนกลายเป็นกระแสฮือฮาในวงการลูกหนังเมืองไทย
อย่างไรก็ตามแม้หลายคนอาจจะยังไม่คุ้นกับชื่อของ "นายก อบจ.เมืองขุนแผน" รายนี้มากนัก แต่ผู้คนในจังหวัดสุพรรณบุรี รู้ดีว่า นายบุญชู จันทร์สุวรรณ คือผู้ที่ทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจอย่างแท้จริงตลอดระยะเวลาที่รับตำแหน่งกว่า 12 ปี ในการพัฒนาจังหวัดบ้านเกิด ให้ก้าวขึ้นมาเป็นจังหวัดต้นแบบที่เยาวชนสามารถใช้การเล่นกีฬาโดยเฉพาะ "การเล่นฟุตบอล"สร้างมูลค่าให้กับตัวเองได้ โดยการประกาศตัวว่าจะเป็นผู้ทำ "อุตสาหกรรมส่งออกนักฟุตบอล" อย่างเต็มตัว
นายบุญชู เผยถึงการเข้ามาเริ่มพัฒนาเรื่องฟุตบอลในจังหวัดสุพรรณบุรีว่า "การได้มารับตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุพรรณบุรีทำให้ได้สัมผัสถึงความยากจนของผู้คนมากมาย ซึ่งผมมองว่าการจะแก้ปัญหาความยากจนได้นั้นเราต้องให้ประชาชนใช้ฝีมือในการทำงาน โดยที่ผ่านมาสังคมไทยไม่ค่อยสอนให้คนใช้ฝีมือมากนัก พอไม่มีฝีมือค่าตัวก็ต่ำ หลายคนไม่ได้ทำในสิ่งที่รักในสิ่งที่ชอบ บางคนชอบร้องเพลง บางคนชอบทำอาหาร หรือบางคนชอบกีฬา แต่ไม่มีทางเลือกมากนัก จึงทำให้ต้องทำงานไปวันต่อวันเพื่อเงินเดือนที่ไม่มาก และเมื่อไม่ได้ทำในสิ่งที่รักก็ไม่มีแรงจูงใจ ไม่เกิดการพัฒนา เมื่อผมเข้ามาจึงต้องการที่จะเปลี่ยนทัศนคตินี้ เพราะถ้าคนได้ทำในสิ่งที่รัก ก็จะทุ่มเทและอดทน ผมจึงต้องการใช้ความรักและความสามารถของคนมาพัฒนาประเทศ"
"สำหรับจังหวัดสุพรรณบุรี นั้นเป็นยุทธศาสตร์ด้านกีฬาอยู่แล้ว ฟุตบอลจึงเป็นอีกแนวทางสำหรับคนที่มีความรักในด้านนี้ให้ได้แสดงฝีมือ การเล่นฟุตบอลมีประโยชน์มากมาย ให้ทั้งความมีสปิริต รู้แพ้-รู้ชนะ และยังให้อาชีพ ปัจจุบันนักฟุตบอลที่มีฝีเท้าดีมีเงินเดือนหลักแสนบาท ทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุพรรณบุรีจึงประกาศตัวที่จะเป็นผู้ทำอุตสาหกรรมส่งออกนักฟุตบอลอย่างเต็มตัว ที่ผ่านมาเราเป็นจังหวัดแรกในการจัดการแข่งขันฟุตบอลลีกระดับเยาวชน มีการจัดการแข่งขันฟุตบอลลีกระดับชั้นประถมศึษา, มัธยมต้น และมัธยมปลาย มาอย่างต่อเนื่องกว่า 4 ปีแล้ว ในแต่ละปีมีเด็กเข้าร่วม 1,800 คน ซึ่งหลายคนได้ใช้กีฬาเป็นบันไดในการเข้าโรงเรียนดีๆ ใช้เป็นทุนเรียนฟรี ตลอดจนสังกัดสโมสรฟุตบอลอาชีพ ที่สำคัญยังเป็นการสร้างเวทีให้วัยรุ่นได้โชว์ เป็นการจัดระบบให้เขา เด็กที่เข้าร่วมจึงไม่มีปัญหาเรื่องทะเลาะวิวาทและยาเสพติด"
นายบุญชู ลงรายละเอียดเพิ่มเติมว่า "ในจังหวัดสุพรรณบุรี มี 10 อำเภอ ผมจึงจัดแข่งฟุตบอลในระดับประถมศึกษาอำเภอละ 10 ทีม ในรูปแบบลีกเก็บคะแนน พบกันหมดทั้งเหย้า-เยือน ทุกวันเสาร์และอาทิตย์ จากนั้นทีมที่ได้ 3 อันดับแรกของแต่ละอำเภอ รวม 30 ทีม ก็จะมาแข่งกันต่อในรอบชิงชนะเลิศ เพื่อหาแชมป์จังหวัดในแต่ละปี เพราะฉะนั้นในแต่ละปีเด็กจะได้เล่นอย่างต่ำทีมละ 18 นัด เป็นเวลาต่อเนื่องกว่า 5 เดือนเต็ม เช่นเดียวกับระดับมัธยมต้น และมัธยมปลาย ที่มีระดับละ 25 ทีม รวมถึงในส่วนของการแข่งขันฟุตบอลอาวุโสที่มีมานานกว่า 9 ปีแล้ว รวมเบ็ดเสร็จกว่า 600 แมตช์ต่อปี ภายใต้งบประมาณปีละ 10 ล้านบาท นอกจากนี้ผมยังสนับสนุนกีฬาอื่นๆอีกเช่น วอลเลย์บอลหญิง ตะกร้อ ฟุตซอล สนุกเกอร์ แข่งรถ ตลอดจนการแสดงอย่าง การร้องเพลง เล่นดนตรี หรือการเต้น ที่ทำแบบเป็นระบบต่อเนื่องไม่ใช่แข่งครั้งเดียวแล้วจบไป"
พร้อมกันนี้ "นายกฯบุญชู" ได้กล่าวถึงที่มาของโปรเจ็คยักษ์ จับมือกับสโมสรโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ทีมดังแห่งบุนเดสลีกา เยอรมนี ในการสร้าง "สุพรรณบุรี ฟุตบอล อะคาเดมี" หรือ SPFA ศูนย์ฝึกลูกหนังระดับเยาวชนครบวงจรแห่งแรกของเมืองไทย ว่า "ทุกวันนี้มีการแข่งขันฟุตบอลระดับเยาวชนมากมายในจังหวัดสุพรรณ แต่เรายังไม่ได้รับการฝึกฝนอย่างมืออาชีพที่ถูกต้อง นักฟุตบอลและโค้ชยังไม่ได้รับความรู้เฉพาะด้านอย่างแม้จริง เราจึงต้องการที่จะยกระดับในเรื่องนี้ ประกอบกับทางสโมสรโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ได้เดินทางมาดูงานที่จังหวัดสุพรรณบุรี และเห็นความตั้งใจในการพัฒนาเยาวชนของเรา ซึ่งตรงกับแนวทางการปลุกปั้นนักฟุตบอลของทีม จึงได้มีการพูดคุยและตกลงจับมือร่วมกันพัฒนา"
"การได้เป็นพันธมิตรกับสโมสรโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ จะช่วยยกระดับเด็กของเราให้สูงขึ้น เพราะทางสโมสรจะส่งโค้ชมืออาชีพมาร่วมอบรมโค้ชไทยในจังหวัดของเรา เพื่อให้นำไปใช้ฝึกสอนเด็กอย่างถูกวิธี รวมถึงโค้ชของทางสโมสรจะเป็นผู้ฝึกสอนเด็กด้วยตนเองด้วยเช่นกัน เมื่อเด็กมีความรู้ที่ถูกต้องก็จะสามารถพัฒนาฝีมือให้สูงขึ้นไปได้อีก เป็นการต่อเนื่องถึงการผลักดันเด็กให้เป็นนักฟุตบอลอาชีพ มีค่าตัวแพงๆ และช่วยแก้ปัญหาความยากจน โดยเป้าหมายสูงสุดของผมคือจะทำให้เด็กจากจังหวัดสุพรรณบุรีมีเงินเดือนจากการเล่นฟุตบอลเดือนละ 1 ล้านบาทให้ได้ ไม่ว่าจะอยู่กับสโมสรไหนก็ตาม แต่ขอให้เริ่มต้นเล่นฟุตบอลมาจากจังหวัดสุพรรณบุรี ผมถือว่าผมเป็นคนสร้าง ถ้าเด็กจะไปได้ดีที่ไหนผมก็ยินดี ซึ่งผมเชื่อว่าจะเป็นไปได้ภายใน 5-6 ปีจากนี้ เพราะตอนนี้มีเด็กฝีเท้าดีของเราไปอยู่กับอะคาเดมี่ในสโมสรดังๆหลายสิบคน"
นอกจากนี้ นายบุญชู ได้ทิ้งท้ายกับการร่วมมือกับ บริษัท สุพรรณบุรี ฟุตบอล อะคาเดมี จำกัด ในการทำโปรเจกต์ "สุพรรณบุรี ฟุตบอล อะคาเดมี" ว่าต้องเดินไปคู่กัน "เราในฐานะภาครัฐมีหน้าที่หลักคือสนับสนุนเยาวชนโดยไม่หวังผลตอบแทนในเรื่องของธุรกิจใดๆ แต่การได้บริษัทเอกชนเข้ามาช่วยสนับสนุนทำให้เราสามารถก้าวไปไกลขึ้น ทั้งสองอย่างต้องเดินไปควบคู่กัน หน้าที่ของเราคือจัดการแข่งขันฟุตบอลเยาวชนอย่างต่อเนื่องต่อไป โดยได้ประโยชน์จาก บริษัท สุพรรณบุรี ฟุตบอล อะคาเดมี จำกัด ในการประสานงานและออกค่าใช้จ่ายในการดึงโค้ชของสโมสรระดับโลกอย่างโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ มาช่วยฝึกสอน ซึ่งตัวเด็กเองนอกจากจะได้พัฒนาฝีเท้าแล้ว ยังได้โอกาสในการลุ้นเซ็นสัญญากับสโมสรฟุตบอลอาชีพทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศด้วยเช่นกันผ่านโครงการ ดรีม 11 ที่คัดนักเตะฝีเท้าดีรวม 18 คน จากทั้งหมดที่เราปลุกปั้นขึ้นมา"
สำหรับโปรเจกต์ "สุพรรณบุรี ฟุตบอล อะคาเดมี" มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนานักเตะเยาวชนไทยให้มีฝีเท้าที่ได้มาตรฐานระดับสากลอย่างแท้จริง และต่อยอดสู่การป้อนนักเตะในโครงการสู่การเป็นนักเตะอาชีพลงเล่นในลีกประเทศไทย และต่างแดน โดยจะเปิดคัดนักเตะเยาวชนจากทั่วประเทศไทย เพื่อเฟ้นหา 11 ผู้เล่นที่ดีที่สุดในแต่ละตำแหน่ง และผู้เล่นสำรองอีก 7 ราย เข้าสู่โครงการ "ดรีม 11" (DREAM 11) ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสโมสรโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในฐานะพาร์ตเนอร์ ด้วยการส่งโค้ชมืออาชีพของทีมมาฝึกฝนทั้งนักเตะ และโค้ชถึงเมืองไทย รวมถึงเป็นผู้คัดเลือกนักเตะด้วยตนเองภายใต้มาตรฐานระดับโลก ร่วมกับนักเตะตัวจริงของทีมชาติไทย และโค้ชอาวุโสระดับ เอ-ไลเซนส์ ตลอดจนฝึกอบรมโปรแกรมการตลาด การทำระบบ "ซื้อ-ขายนักเตะ" ที่มีมาตรฐานสากล โดยเด็กที่ผ่านการคัดเลือกทั้ง 18 คน จะได้ฝึกซ้อม และแข่งขันกับทีมเยาวชนของ "เสือเหลือง" ที่ประเทศเยอรมนี ท่ามกลางแมวมองจากสโมสรชั้นนำทั่วทุกมุมโลกที่เดินทางมาร่วมชมฝีเท้า เพื่อโอกาสในการเซ็นสัญญาเข้าสังกัด พร้อมกันนี้ จะมีการทำรายการทีวี "ดรีม 11" ที่จะติดตามเฟ้นหาสุดยอดนักเตะจากทั่วประเทศเข้าสู่โปรแกรมระดับโลก โดยโครงการนี้จะเริ่มเริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2016 เป็นต้นไป