กรุงเทพฯ--19 เม.ย.--ฮิลล์ แอนด์ นอลตัน สแตรทีจีส์
การขับรถขณะหิมะตกหรือขณะฝนตกนั้นท้าทายด้วยถนนที่ลื่นไถลได้ง่ายและทัศนวิสัยที่ไม่ชัดเจน รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ก็ควรจะสามารถขับในเส้นทางที่มีหิมะปกคลุมและบนถนนลื่นได้ ขณะนี้ ฟอร์ด อยู่ในระหว่างการทดลองเพื่อนำรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติออกสู่สาธาณชนทั่วโลก โดยฟอร์ดได้เผยถึงเทคโนโลยีและวิธีการทำงานที่จะทำให้รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติสามารถทำงานในสภาพอากาศที่มีหิมะตกหรือบนถนนลื่นได้
เริ่มการขับเคลื่อนอัตโนมัติจากการร่างแผนที่ 3D ความละเอียดสูงด้วย LiDAR
สำหรับการทำงานในสภาวะหิมะหรือฝนตก รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติฟอร์ด ฟิวชั่น ไฮบริด จำเป็นต้องวิ่งสำรวจสภาพแวดล้อมโดยรอบเพื่อสร้างแผนที่ดิจิทัลแบบสามมิติความละเอียดสูงเป็นอันดับแรก โดยรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติของฟอร์ดจะสร้างโมเดลดิจิทัลของสภาพท้องถนนที่มีความแม่นยำสูง รวมถึงจับสภาพอาคารโครงสร้างต่างๆ โดยรอบจากการวิ่งสำรวจในสภาพอากาศตามที่ต้องการ โดยใช้อุปกรณ์สแกน LiDAR จำนวน 4 ตัว ในการปล่อยเลเซอร์รวม 2.8 ล้านจุดต่อ 1 วินาที ผลลัพธ์ของแผนที่ที่ได้จะถูกนำมาใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานสำหรับการระบุตำแหน่งรถยนต์ขณะอยู่ในโหมดขับเคลื่อนอัตโนมัติ ด้วยการใช้เซ็นเซอร์ LiDAR เพื่อสแกนสภาพแวดล้อมแบบเรียลไทม์นี้ รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติจึงสามารถระบุตำแหน่งของมันเองจากแผนที่ที่ได้บันทึกไว้ แม้ว่าถนนจะถูกปกคลุมด้วยหิมะ
เก็บข้อมูลแผนที่ขนาดมากถึง 600 กิกะไบต์ต่อชั่วโมง
ขณะที่ทำการร่างแผนที่ดิจิทัลแบบสามมิติ รถยนต์ฟอร์ดขับเคลื่อนอัตโนมัติจะเก็บรวบรวม และวิเคราะห์ข้อมูลเส้นทางและสถานที่โดยรอบ ไม่ว่าจะเป็นป้ายบอกทาง ตึกอาคาร ต้นไม้ และอื่นๆ โดยรถยนต์จะเก็บข้อมูลมากถึง 600 กิกะไบต์ต่อชั่วโมง เพื่อนำไปสร้างแผนที่ภูมิทัศน์สามมิติความละเอียดสูง ซึ่งเป็นขนาดข้อมูลเทียบเท่าการใช้งานข้อมูลบนโทรศัพท์มือถือเป็นเวลานาน 10 ปี
เซ็นเซอร์ LiDAR อัจฉริยะ ตรวจจับเกล็ดหิมะและหยดน้ำฝน
รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติของฟอร์ดปล่อยเลเซอร์หลายจุดจากเซ็นเซอร์ LiDAR ในจำนวนมาก โดยเซ็นเซอร์บางจุดกระทบเข้ากับเกล็ดหิมะหรือหยดน้ำฝนและทำให้ประมวลผลผิดไปว่ามีวัตถุขวางทางอยู่ ฟอร์ดได้ทำงานร่วมกับทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยมิชิแกนและได้สร้างอัลกอริทึ่มที่สามารถตรวจจับหิมะและน้ำฝน เพื่อช่วยกรองวัตถุเหล่านี้ให้พ้นจากทัศนวิสัยของรถยนต์เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนต่อไปได้
ระบุตำแหน่งแม่นยำยิ่งกว่า GPS
เมื่อพูดถึงระบบนำทางของรถยนต์ เรามักจะนึกถึงระบบ GPS ซึ่งระบบ GPS ปัจจุบันสามารถบอกตำแหน่งโดยมีระยะความคลาดเคลื่อนในระดับบวก / ลบ ถึง 10 เมตร การทำงานของรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติของฟอร์ดต้องอาศัยตำแหน่งรถที่แม่นยำมากยิ่งกว่านั้น ด้วยการสแกนสภาพแวดล้อมเพื่อตรวจหาสถานที่สำคัญ และเปรียบเทียบกับข้อมูลบนแผนที่ดิจิทัลแบบสามมิติที่เก็บอยู่ในคลังข้อมูล รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติของฟอร์ดสามารถระบุตำแหน่งของตนเองโดยมีระยะความคลาดเคลื่อนไม่เกินหนึ่งเซนติเมตรเท่านั้น
เซ็นเซอร์ ฟิวชั่น ผสานข้อมูลจากเซ็นเซอร์เข้ากับระบบตรวจวัดการทำงานของเซ็นเซอร์ ช่วยให้รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติของฟอร์ดทำงานได้อย่างแม่นยำ
นอกจากเซ็นเซอร์ LiDAR แล้ว ฟอร์ดยังใช้กล้องและสัญญาณเรดาร์เพื่อตรวจสภาพแวดล้อมรอบๆ ตัวรถ โดยใช้ข้อมูลที่เก็บรวบรวมได้จากการผสานการทำงานของเซ็นเซอร์ต่างๆ ที่เรียกว่า เซ็นเซอร์ ฟิวชั่น
ขั้นตอนนี้ทำให้รถสามารถรับรู้ต่อสถานการณ์ต่างๆ แบบ 360 องศา โดยการผสานการทำงานของเซ็นเซอร์ ฟิวชั่น นี้หมายถึงเมื่อมีเซ็นเซอร์หนึ่งไม่ทำงานเพราะน้ำมีแข็ง หิมะ คราบสกปรก หรือเศษชิ้นส่วนต่างๆ เกาะบนเลนส์ของเซ็นเซอร์ ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติจะยังคงสามารถทำงานได้ตามปกติ อย่างไรก็ตาม รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติของฟอร์ดจะทำการตรวจสอบการทำงานของระบบ LiDAR กล้องและเรดาร์ทั้งหมด เพื่อระบุการเสื่อมประสิทธิภาพการทำงานของระบบเซ็นเซอร์ และช่วยให้เซ็นเซอร์ต่างๆ ทำงานได้อย่างสมบูรณ์ครบถ้วนตามขั้นตอน ซึ่งรถยนต์จะสามารถจัดการกับน้ำแข็งและคราบต่างๆ ได้ผ่านระบบตรวจวัดทำความสะอาดและกำจัดไอน้ำด้วยตัวเอง
ฟอร์ดเป็นบริษัทรถยนต์รายแรกที่สาธิตการทำงานของรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติในหิมะสู่สาธารณะ โดยได้ทำการทดสอบในสภาพอากาศฤดูหนาวที่รัฐมิชิแกน รวมถึงที่เอ็มซิตี้ สนามทดสอบรถเสมือนจริงขนาด 32 เอเคอร์ ที่มหาวิทยาลัยมิชิแกน การทดสอบรถแบบเต็มรูปแบบของฟอร์ดภายในมหาวิทยาลัยมิชิแกนมีจุดประสงค์เพื่อศึกษาและพัฒนายานยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น