กรุงเทพฯ--19 เม.ย.--บลจ.กสิกรไทย
นายนาวิน อินทรสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า ในระหว่างวันที่ 19 – 25 เมษายน 2559 บลจ.กสิกรไทยจะเปิดเสนอขายกองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน ซียู (KEFF6MCU) ประมาณการผลตอบแทนที่ผู้ถือหน่วยลงทุนคาดว่าจะได้รับที่ 2.10% ต่อปี และกองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 3 เดือน เอบี (KEFF3MAB) ประมาณการผลตอบแทนที่ผู้ถือหน่วยลงทุนคาดว่าจะได้รับที่ 2.00% ต่อปี โดยทั้ง 2 กองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน และสำหรับผู้ลงทุนบุคคลธรรมดาไม่ต้องเสียภาษี
สำหรับภาวะตลาดตราสารหนี้ นายนาวินกล่าวว่า "ในสัปดาห์ที่ผ่านมา อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ภาครัฐของสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นในเกือบทุกช่วงอายุตราสาร โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ รุ่นอายุ 10 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1.76% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยปรับเพิ่มขึ้นในตราสารระยะยาว โดยตราสารรุ่นอายุ 10 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1.72% หลังจากปรับตัวลดลงมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายเดือนที่แล้ว ทำให้เกิดแรงเทขายออกมาบางส่วน ประกอบกับนักลงทุนลดการถือครองก่อนเข้าช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ ด้านปัจจัยภายในประเทศ บลจ.กสิกรไทยคาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีโอกาสที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 1 ครั้งภายในปีนี้ เพื่อหนุนการบริโภคในประเทศ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศ คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) น่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยจากการประชุมในเดือนเมษายนนี้ ถึงแม้ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯดูแข็งแกร่งต่อเนื่องก็ตาม แต่ตัวเลขเศรษฐกิจนอกสหรัฐฯ ที่ออกมายังมีความไม่แน่นอนอยู่ อย่างไรก็ตามตลาดส่วนใหญ่คาดว่า FED น่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างเร็วสุดในเดือนกันยายนปีนี้"
นายนาวินกล่าวถึงรายละเอียดของกองทุนต่อไปว่า สำหรับตราสารหนี้ที่กองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 3 เดือน เอบี (KEFF3MAB) เบื้องต้นคาดว่าจะลงทุนในเงินฝาก Garanti Bank, ประเทศตุรกี, เงินฝาก Commercial Bank of Qatar, ประเทศกาตาร์, เงินฝาก First Gulf Bank และเงินฝาก Abu Dhabi Commercial Bank, ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ นอกจากนี้ยังลงทุนเพิ่มเติมในตราสารหนี้ Yapi Kredi Bankasi A.S., ประเทศตุรกี ด้านกองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน ซียู (KEFF6MCU) เบื้องต้นคาดว่าจะลงทุนในเงินฝาก Garanti Bank, ประเทศตุรกี, เงินฝาก Commercial Bank of Qatar, ประเทศกาตาร์, เงินฝาก First Gulf Bank และเงินฝาก Emirates NBD, ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ นอกจากนี้ยังลงทุนเพิ่มเติมในตราสารหนี้ Yapi Kredi Bankasi A.S., ประเทศตุรกี โดยทั้ง 2 กองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน และเป็นกองทุนที่เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่มีสินทรัพย์ในการลงทุนสูงและสามารถยอมรับความเสี่ยงได้มากขึ้น เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน โดยผู้ลงทุนต้องลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำ 1,000,000 บาท
บลจ.กสิกรไทย ยังได้เพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนต่อเนื่องให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนกับกองทุนตราสารหนี้แบบที่มีกำหนดอายุโครงการ (Fixed Term Fund) ของบลจ.กสิกรไทย ซึ่งเมื่อกองทุนครบกำหนดอายุโครงการ บริษัทจัดการจะนำเงินค่าขายคืนอัตโนมัติไปซื้อหน่วยลงทุนที่ผู้ลงทุนเลือกได้กองทุนใดกองทุนหนึ่งใน 3 กองทุน คือ กองทุนเปิดเค ตลาดเงิน (K-MONEY) กองทุนเปิดเค ตราสารรัฐระยะสั้น (K-TREASURY) หรือกองทุนเปิดเค เอ็มพลัส (K-MPLUS) ซึ่งอยู่ในกลุ่มกองทุนรวมตราสารหนี้ ของบลจ.กสิกรไทย
สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนกับกองทุน KEFF3MAB และกองทุน KEFF6MCU สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและขอรับหนังสือชี้ชวนเสนอขายได้ที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา หรือสอบถาม KAsset Contact Center 0 2673 3888 หรือที่ www.kasikornasset.com