กรุงเทพฯ--20 เม.ย.--เอ็ม ที มัลติมีเดีย
กลต.นับ 1 คำขออนุญาตเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน ของ 'บมจ.ยูนิเวอร์แซล ยูทีลิตี้ส์' ผู้นำธุรกิจบริหารกิจการประปาอย่างครบวงจร เตรียมเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 420 ล้านหุ้น ก่อนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในช่วงกลางปีนี้ ด้านผู้บริหารชูจุดแข็งด้านเทคโนโลยีการผลิตน้ำประปาจากน้ำทะเลด้วยระบบรีเวอร์สออสโมซีส (Reverse Osmosis) แก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำตามแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของไทย ช่วยหนุนศักยภาพการเติบโตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และการเป็นคู่สัญญาระยะยาวกับการประปาส่วนภูมิภาคและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในหลายพื้นที่ ช่วยสร้างความมั่นคงด้านการผลิตน้ำประปาให้แก่ประชาชนในท้องถิ่น รองรับความต้องการใช้น้ำในอนาคต
นายประเสริฐ ตันตยาวิทย์ กรรมการผู้จัดการฝ่ายวาณิชธนกิจ บมจ.หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน เปิดเผยว่า บมจ.ยูนิเวอร์แซล ยูทีลิตี้ส์ ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อขอเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 420 ล้านหุ้นหรือคิดเป็นไม่เกินร้อยละ 45 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนครั้งนี้ ซึ่งล่าสุด ก.ล.ต. ได้นับ 1 คำขออนุญาตเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บมจ. ยูนิเวอร์แซล ยูทีลิตี้ส์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ปัจจุบัน บมจ.ยูนิเวอร์แซล ยูทีลิตี้ส์ มีทุนจดทะเบียน 930 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 930 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท โดยเป็นทุนที่ออกจำหน่ายและชำระแล้วทั้งหมดจำนวน 510 ล้านหุ้นและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนอีกไม่เกิน 420 ล้านหุ้น ซึ่งการเสนอขายหุ้น IPO ครั้งนี้ บมจ.ยูนิเวอร์แซล ยูทีลิตี้ส์ ได้กำหนดสัดส่วนเสนอขายหุ้นเพื่อเสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไป จำนวนไม่เกิน 353 ล้านหุ้น ส่วนจำนวนหุ้นที่เหลืออีกไม่เกิน 67 ล้านหุ้น จะเสนอขายต่อผู้ถือหุ้นของ บมจ.จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก (Pre-emptive Right)
ทั้งนี้ บมจ.ยูนิเวอร์แซล ยูทีลิตี้ส์ จะกำหนดวันเสนอขายหุ้น IPO และนำบริษัทฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ภายหลังจากการนำเสนอข้อมูลต่อนักวิเคราะห์และนักลงทุนที่สนใจ ซึ่งคาดว่าจะอยู่ภายในไตรมาส 3 ปีนี้ เพื่อนำเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ไปชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในบริษัทฯต่อไป
นายประเสริฐ ตันตยาวิทย์ กรรมการผู้จัดการฝ่ายวาณิชธนกิจ บมจ.หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย)กล่าวว่า บมจ.ยูนิเวอร์แซล ยูทีลิตี้ส์ ถือเป็นผู้นำธุรกิจบริหารกิจการประปาอย่างครบวงจร ที่ดำเนินธุรกิจผ่านบริษัทฯ และบริษัทย่อย 4 แห่ง ได้แก่ บริษัท ประปาฉะเชิงเทรา จำกัด บริษัท ประปาบางปะกง จำกัด บริษัท ประปานครสวรรค์ จำกัด และบริษัท เอ็กคอมธารา จำกัด โดยสามารถจัดแบ่งเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ตามวิธีการผลิตน้ำประปาได้ 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มกิจการประปาผิวดิน และกลุ่มกิจการประปาจากน้ำทะเล การดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ครอบคลุมถึงการผลิตและจำหน่ายน้ำประปาให้แก่คู่สัญญา ซึ่งเป็นหน่วยงานราชการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) และ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ต่างๆ หรือการจำหน่ายโดยตรงแก่ผู้ใช้น้ำรายย่อย ทั้งนี้ บริษัทฯ เป็นผู้รับผิดชอบบริหารกิจการประปาในหลายพื้นที่ ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่การลงทุนและบริหารโครงการทั้งหมด ในรูปแบบสัญญาต่างๆได้แก่ BOO (Build-Own-Operate) BTO (Build-Transfer-Operate) BOOT (Build-Own-Operate-Transfer) และ Lease ตลอดจนการรับจ้างบริหารกิจการประปาให้แก่ บมจ.จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก ซึ่งสัญญาในการดำเนินธุรกิจทั้งหมดเป็นสัญญาระยะยาว 15-30 ปี
นายเชิดชาย ปิติวัชรากุล รักษาการกรรมการผู้จัดการ บมจ.ยูนิเวอร์แซล ยูทีลิตี้ส์ กล่าวว่า บริษัทฯ มีประสบการณ์และความชำนาญการบริหารกิจการประปาอย่างครบวงจร ด้วยจุดแข็งด้านการดำเนินธุรกิจที่นำเทคโนโลยีการผลิตน้ำประปาจากน้ำทะเลด้วยระบบรีเวอร์ส ออสโมซีส (Reverse Osmosis) หรือการแยกเกลือออกจากน้ำมาใช้เป็นรายแรกของไทย ช่วยแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำประปาในแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลที่สำคัญของไทยภายใต้สัญญาร่วมทุนจากหน่วยงานราชการ เพื่อสร้างเสถียรภาพให้แก่การผลิตน้ำประปาและสามารถส่งจ่ายน้ำให้กับประชาชนหรือนักท่องเที่ยวในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังทำสัญญาร่วมทุนเพื่อการดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับน้ำประปากับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องหลายแห่ง เช่น การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) องค์การบริหารส่วนตำบลและเทศบาลในรูปแบบสัญญาสัมปทานและรับจ้างบริหารกิจการประปาระยะยาว ทำให้บริษัทฯ สามารถลดความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำประปา อีกทั้งยังสามารถช่วยเหลือภาครัฐเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทั้งด้านการขยายเขตจำหน่ายน้ำ เพื่อสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้าสูงสุด นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนเข้าประมูลแข่งขันเพื่อเข้าพัฒนาบริหารกิจการประปาใหม่ๆ เพิ่มเติมทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อรองรับความต้องการใช้น้ำประปาเพื่ออุปโภคและบริโภคในอนาคต
ส่วนผลการดำเนินงานในรอบปี 2558 บริษัทฯ มีรายได้รวม 1,272 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 187.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 59% เมื่อเทียบกับปี 2557 ที่มีกำไรสุทธิ 118.6 ล้านบาท โดยมาจากรายได้จากการจำหน่ายน้ำประปาซึ่งเป็นรายได้หลักเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ