กรุงเทพฯ--21 เม.ย.--กองประชาสัมพันธ์ มทร.ธัญบุรี
โดยผู้ช่วยศาสตราจารย์พงษ์ศักดิ์ ทรงพระนาม เล่าว่า วิธีการเลือกรับประทานอาหารในหน้าร้อนต้องเน้นความสะอาด มีความใหม่ สด อาหารที่รับประทานไม่ควรเก็บไว้นานหลายวัน หรือค้างคืน ส่วนผสมไม่ควรมีไขมันสูง กินร้อน ช้อนกลาง กลุ่มน้ำเครื่องดื่ม เช่น น้ำอัดลม น้ำหวาน ภาชนะที่บรรจุต้องสะอาดใหม่ เพราะว่า หากเลือกไม่ถูกวิธี จะส่งผลให้เกิดท้องร่วง ท้องเสีย เพราะแบคทีเลียจะเจริญเติบได้ดีในช่วงฤดูร้อน ความไม่สะอาด เป็นปัจจัยทำให้เกิดโรคท้องร่วง ทำให้เกิดการติดเชื้อ การรักษาอาหารท้องร่วงในเบื้องต้น คือ การรับประทานน้ำชาเข้มข้น เพื่อช่วยลดการท้องร่วง และหยุดรับประทานอาหารที่คาดว่าทำให้เกิดท้องร่วง รวมทั้งผลไม้ที่ปล่อยทิ้งไว้นานๆ หรือแช่อยู่ในน้ำแข็ง (ผลไม้รถเข็น) ด้วยจากอากาศเปลี่ยนแปลง อาจทำให้เป็นหวัด เช่น การเป็นหวัดแดด หวัดลมร้อน เนื่องจากร่างกายปรับเปลี่ยนไม่ทัน ดังนั้นควรดื่มน้ำในอุณหภูมิห้องปกติ การดื่มน้ำเย็นเกินไปทำให้ร่างกายรับไม่ได้ ร่วมไปถึงโรคระบบทางเดินหายใจ ระบบทางเดินอาหาร สำหรับคนที่ชอบการดื่มน้ำผลไม้ควรเป็นน้ำผลไม้ที่อยู่ในอุณหภูมิห้อง หากดื่มใส่น้ำแข็ง น้ำแข็งอาจไม่สะอาดจะมีเชื้อโรค
เมนูแนะนำกินเพื่อคลายร้อน เมนูคาว ห่อหมกปลาช่อน ส่วนผสมของใบยอมีธาตุเหล็ก กินเยอะๆ ทำให้ร่างกายสดชื่น บวกกับในเนื้อปลามีโปรตีน ย่อยง่าย น้ำพริกลงเรือ ทานคู่กับผัก ส้มโอกุ้งย่าง ส้มโอทำให้สดชื่น แกงคั่วฟัก ฟักเป็นตัวช่วย กินแล้วทำให้เย็น ไก่ต้มตะลิงปิง ในการซดน้ำร้อนๆ รสชาติของตะลิงปิง ที่เปรี้ยวๆ ทำให้รู้สึกสดชื่น เมนูหวาน เช่น ข้าวเหนียวมะม่วง ฤดูกาลของมะม่วง อีกทั้งรสชาติ หวานอมเปรี้ยว สร้างความกระปรี้กระเปร่า แตงโมหน้าปลาแห้ง ลอดช่องดอกอัญชันน้ำเชื่อม กินคู่กับน้ำแข็งดับร้อน ประเภทเครื่องดื่มสมุนไพร น้ำส้มคั้น น้ำตาลสด น้ำอ้อย น้ำมะพร้าว
การเลือกกินอาหารในฤดูร้อน ต้องมีความรู้ เลือกอาหารที่ร่างกายต้องการ อาหารต้องมีความสด สะอาด ใหม่ รับประทานอาหารที่เราปรุงแต่งขึ้นเอง เลือกน้ำที่สะอาด ไม่เย็น น้ำอุณหภูมิห้อง หรือน้ำอุ่น ปริมาณที่รับประทานต้องพอเหมาะกับตัวเราอาหารคลายร้อน ในช่วงหน้าร้อน อาหารที่รับประทานทุกชนิด ทุกประเภท สามารถรับประทานได้ทั้งหมด แต่จะต้องระวังเรื่องความสะอาด อีกทั้งควรลดแป้ง / ไขมัน เพราะหน้าร้อนทำให้แน่นจุก ในหนึ่งวันร่างกายสามารถรับได้ 1,800-2,000 แคลอรี่ รวมไปถึงผลไม้สด ไม่ควรเกิน 150 กรัม ผลไม้ที่มีน้ำจะมีกรด กรดจากผลไม้ และกรดในกระเพราอาหาร มารวมกัน จะทำให้กัดกระเพรา เกิดโรคกระเพราได้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์พงษ์ศักดิ์ ทรงพระนาม กล่าวทิ้งท้าย