กรุงเทพฯ--21 เม.ย.--เจซีแอนด์โค พับลิครีเลชั่นส์
กระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) เผยผลมาตรการเร่งด่วนตามนโยบายของรัฐบาลในการช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs และ OTOPให้มีช่องทางการจำหน่ายสินค้าและการทดสอบตลาดมากขึ้น ทั้งนี้ ในช่วง3 เดือนแรกที่ผ่านมา สามารถกระตุ้นยอดขายให้กับSMEsและOTOP ทั่วประเทศ ได้กว่า 160 ล้านบาทและคาดว่าตลอดทั้งปีจะสร้างยอดขายได้ไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท
ดร.สมชายหาญหิรัญ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่ากระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลให้เร่งดำเนินการช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs และ OTOP ให้มีช่องทางการจำหน่ายสินค้าและเพิ่มพื้นที่การทดสอบตลาดมากยิ่งขึ้น เพื่อเร่งสร้างกำลังซื้อให้เกิดเงินทุนหมุนเวียนในระบบ และกระจายสินค้าถึงมือผู้บริโภคโดยตรงในราคาประหยัด โดยใช้พื้นที่ของหน่วยงานราชการ และพื้นที่ต่าง ๆ ในการจำหน่ายสินค้า ขณะเดียวกันก็เป็นการให้ SMEs และ OTOP ได้นำผลิตภัณฑ์ที่ตนเองได้พัฒนาขึ้นนำไปทดสอบตลาดกับผู้บริโภคโดยตรง เพื่อรับทราบความต้องการอย่างแท้จริงพร้อมนำมาปรับปรุงและพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพตอบสนองความต้องการของตลาดได้อย่างเหมาะสม ทั้งนี้ตลอด 3 เดือนแรกที่ผ่านมา กสอ.ได้จัดกิจกรรมจำหน่ายสินค้าและทดสอบตลาดให้กับผู้ประกอบการ SMEs และ OTOP จำนวนกว่า 1,500 ราย ได้นำสินค้าหลากหลายชนิดทั้งสินค้าอุปโภคบริโภค และสินค้าที่มีเอกลักษณ์ของแต่ละท้องถิ่น อาทิ ของที่ระลึก เสื้อผ้าและเครื่องแต่งกาย เครื่องสำอาง เครื่องหนังและรองเท้า เครื่องประดับ สินค้าหัตถกรรม อาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ อาหารแปรรูป ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม และสินค้าอุปโภคบริโภค โดยมาวางจำหน่ายในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ จำนวน 14 ครั้งอาทิ งานทอเส้นฝ้ายสานเส้นใยใส่สีธรรมชาติ ณ จังหวัดเชียงใหม่ งานแสดงสินค้าผลิตภัณฑ์ชุมชน ณ จังหวัดอุบลราชธานีช ลบุรี สุพรรณบุรี นครราชสีมา สุราษฎร์ธานี ลำปาง ตาก และกรุงเทพมหานคร ซึ่งผลตอบรับเป็นที่น่าพอใจเป็นอย่างมากสามารถช่วยกระจายรายได้ให้กับผู้ประกอบการSMEs และ OTOP ทั่วประเทศมียอดจำหน่ายสินค้าทั้งสิ้นกว่า 160 ล้านบาทซึ่งคาดว่าตลอดทั้งปีนี้จะสามารถเพิ่มยอดขายได้ไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท
อย่างไรก็ดีในปี 2559 กสอ.ตั้งเป้าพัฒนา SMEs 2,465 กิจการ วิสาหกิจชุมชน 5,050 ราย ผู้ประกอบการและบุคลากรได้รับการพัฒนาอีกจำนวน 14,845 คนผ่านโครงการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่หลากหลายด้าน ทั้งการสร้างโอกาสการเข้าถึงแหล่งความรู้ในการดำเนินธุรกิจ การเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการผลิต การลดต้นทุนการผลิต การพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ การทดสอบตลาดและการจับคู่ธุรกิจในพื้นที่ต่าง ๆ การให้ความช่วยเหลือมาตรการด้านการเงิน และการให้คำปรึกษาแนะนำด้านการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการส่งเสริมการตลาด เป็นต้น ซึ่งคาดว่าจะสามารถเพิ่มศักยภาพและยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับ SMEs และ OTOP ได้อย่างยั่งยืนต่อไป ดร.สมชาย กล่าวทิ้งท้าย
สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจโครงการต่างๆ สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ถนนพระราม 6กรุงเทพฯ โทรศัพท์ 022024414-17หรือเข้าไปที่ www.dip.go.thหรือwww.facebook.com/dip.pr