กรุงเทพฯ--25 เม.ย.--IR network
ผู้ถือหุ้น บมจ.เธียรสุรัตน์ (TSR) ไฟเขียวจ่ายปันผลสำหรับปี 58 เป็นหุ้นในอัตรา 10:1 และเงินสดในอัตรา0.02 บาท/หุ้น รับทรัพย์วันที่ 19 พ.ค.59 นี้ พร้อมอนุมัติออกหุ้นกู้วงเงินไม่เกิน 500 ล้านบาท รองรับแผนขยายการลงทุน "วิรัช วงศ์นิรันดร์" มั่นใจรายได้-กำไร ทำนิวไฮต่อเนื่อง พร้อมรุกคืบบุกตลาดในลาว-เวียดนาม คาดได้ข้อสรุปภายในไตรมาส 2/59
นายวิรัช วงศ์นิรันดร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เธียรสุรัตน์ จำกัด (มหาชน) (TSR) ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องกรองน้ำดื่มภายในครัวเรือน ภายใต้แบรนด์ "SAFE" (เซฟ) เปิดเผยว่า ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2559 เมื่อวันที่22 เมษายน 2559 ที่ผ่านมา มีมติจ่ายปันผลสำหรับปี 2558 เป็นหุ้นและเงินสด ในอัตรา 10 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นปันผล และเงินสดอีก 0.02 บาท หรือคิดรวมเป็นหุ้นละ 0.12 บาท (เมื่อรวมกับเงินปันผลระหว่างกาลที่จ่ายเป็นเงินสดไปเมื่อเดือนกันยายน 2558 ในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท คิดเป็นเงินปันผลรวมหุ้นละ 0.22 บาท) โดยกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record date) ในวันที่ 9 พ.ค. 2559 วันปิดสมุดทะเบียนเพื่อรวบรวมรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล ตามมาตรา 225 ของพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ฯ คือวันที่ 10 พ.ค. 2559 วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) 3 พ.ค. 2559 และจ่ายเงินปันผลในวันที่ 19 พ.ค. 2559
นอกจากนี้ ยังมีมติให้ลดทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ จากเดิม 602,000,000 บาท เป็นทุนจดทะเบียน601,999,244 บาท โดยวิธีตัดหุ้นจดทะเบียนที่ยังมิได้นำออกจำหน่ายจำนวน 756 หุ้น ก่อนที่จะเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น662,199,169 บาท โดยออกหุ้นสามัญใหม่จำนวน 60,199,925 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท เพื่อรองรับการจ่ายหุ้นปันผลจำนวน 40,133,293 หุ้น และรองรับการใช้สิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทครั้งที่ 1(TSR-W1) ที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากการปรับสิทธิจำนวน 20,066,632 หุ้นและให้แก้ไขเพิ่มเติมหนังสือบริคณห์สนธิของบริษัทฯ ให้สอดคล้องกับการลดและเพิ่มทุนจดทะเบียน
ขณะเดียวกันยังอนุมัติการออกหุ้นกู้ในวงเงินไม่เกิน 500 ล้านบาท อายุไม่เกิน 3 ปี เพื่อใช้ในการดำเนินธุรกิจและ/หรือใช้ลงทุนและ/หรือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการ
กรรมการผู้จัดการ บริษัท เธียรสุรัตน์ จำกัด (มหาชน) (TSR) กล่าวอีกว่า มั่นใจว่าผลการดำเนินงานในปี2559 จะทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะมีรายได้รวมประมาณ 2,000 ล้านบาท หรือเติบโต 30% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาที่มีรายได้รวม 1,617.28 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ มีแผนขยายไลน์สินค้าเพิ่มมากขึ้น และอยู่ระหว่างเจรจากับคู่ค้าเพื่อนำเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านอื่นๆ นอกเหนือจากเครื่องปรับอากาศ เครื่องทำน้ำอุ่นและเครื่องซักผ้ามาจำหน่ายเพิ่มเติม ขณะเดียวกันยังมีแผนขยายการลงทุนไปยังประเทศลาวและเวียดนาม ซึ่งคาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในไตรมาส 2/59 นี้ เพื่อรองรับการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC)