กรุงเทพฯ--25 เม.ย.--IR PLUS
XO ส่งซิก แนวโน้มไตรมาส 1/59 โตได้อีก หลังออเดอร์ที่เข้ามาในช่วงต้นปีและที่ส่งออกไปแล้วนั้นสูงกว่าช่วงเดียวกัน ของปีก่อน 20-25% แถมงานนี้ "จิตติพร จันทรัช" ออกมาย้ำภาพรวมธุรกิจในช่วงต่อจากนี้สดใส จากโรงงานใหม่ที่นิคมอมตะซิตี้ จ.ระยอง ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 3/59 หนุนกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเท่าตัว นอกจากนี้ ทีมขายบริษัทฯ พร้อมรุกตลาดเป้าหมายอย่างจริงจัง มั่นใจเป้าหมายรายได้ทั้งปีที่วางไว้โตขั้นต่ำ 15% จะเป็นไปตามนั้นได้ไม่ยาก ทั้งนี้ แผนเพิ่มทุนออก XO-W1 คาดได้รับการตอบรับเต็มจำนวน เตรียม XW 3 พ.ค. นี้ ด้าน บล.โนมูระ ระบุ XO พร้อมเติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง แนะนำซื้อ ประเมินราคาเป้าหมายปี 2559 อยู่ที่ 6.50 บาท/หุ้น ขณะที่ราคาเป้าหมายก่อนเพิ่มทุนจะอยู่ที่ 7.20 บาท/หุ้น
นายจิตติพร จันทรัช กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็กโซติค ฟู้ด จำกัด (มหาชน) หรือ XO ผู้ส่งออกรายใหญ่ในผลิตภัณฑ์ซอสปรุงรสและน้ำจิ้มต่างๆ, ผลิตภัณฑ์เครื่องแกงเครื่องประกอบอาหาร , ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม , ผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปพร้อมรับประทาน และผลิตภัณฑ์อาหารกึ่งสำเร็จรูปและสำเร็จรูปอื่นๆ เปิดเผยถึง แนวโน้มไตรมาส 1/2559 คาดว่าจะเติบโตขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา เนื่องจากคำสั่งซื้อสินค้าของบริษัทฯ ที่เข้ามาตั้งแต่ต้นปีและที่ส่งออกไปแล้ว สนับสนุนยอดขายในช่วงดังกล่าวให้โตกว่า 20-25% เกินเป้าหมายไตรมาสแรกเรียบร้อยแล้ว ขณะที่โรงงานแห่งใหม่ที่นิคมอมตะซิตี้ จ.ระยอง อยู่ระหว่างเทสรันการผลิต คาดว่าจะสามารถเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในช่วงต้นไตรมาส 3/2559 สนับสนุนให้บริษัทฯ มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว หรืออยู่ที่ประมาณ 1.4 หมื่นตัน/1 กะ (8 ชั่วโมง) หรือคิดเป็นยอดขาย 1,000 ล้านบาทจากปัจจุบันอยู่ที่ 7 พันตัน / 1 กะ (8 ชั่วโมง) และโรงงานใหม่สามารถเพิ่มการผลิตได้ถึง 2 กะ รองรับความต้องการของลูกค้าที่เข้ามาได้ อย่างต่อเนื่อง จึงมั่นใจเป้าหมายรายได้ทั้งปีที่วางไว้ บริษัทฯ จะมีรายได้เติบโตขั้นต่ำ 15% จากปี 2558 อยู่ที่ 740.11 ล้านบาทได้สำเร็จ
"เป้าหมายรายได้ทั้งปี บริษัทฯ คาดว่าจะเติบโตขั้นต่ำที่ 15% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน ซึ่งเราเชื่อว่าจะเป็นไปตามนั้น เนื่องจากภาพรวมธุรกิจในช่วงไตรมาส 1/2559 ที่ผ่านมา มีแนวโน้มการเติบโตที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด บริษัทฯ มีออเดอร์จากลูกค้าเข้ามาและที่ส่งออกไปแล้วนั้นเพิ่มขึ้นราว 20 – 25% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2558 อีกทั้ง หลังจากโรงงานใหม่บริษัทฯ แล้วเสร็จ ซึ่งคาดว่าจะเสร็จในช่วงไตรมาส 3/2559 จะสามารถรองรับคำสั่งซื้อที่เข้ามาได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นเพื่อขยาย ตลาด ใหม่ๆเพิ่มเติมอีก ขณะที่บริษัทฯ ลดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน โดยในครึ่งปีหลังของปี 2558 บริษัทฯ มียอดขายเป็นเงินบาทแล้วกว่า 57% สกุลเงินยูโร 12 % สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ 31% จากก่อนหน้านี้ยอดขายของบริษัทฯ ส่วนใหญ่ใช้สกุลเงินยูโรเป็นหลัก ทำให้บริษัทฯไม่ต้องกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนไว้ล่วงหน้า และลดคความเสี่ยงในเรื่องขาดทุนจากอัตรา แลก เปลี่ยนได้ เป็นปัจจัยสนับสนุนภาพรวมธุรกิจในปีนี้เติบโตขึ้นอย่างมั่นคงและแข็งแกร่ง ได้" นายจิตติพร กล่าว
นายจิตติพร กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า กลยุทธ์ในช่วงต่อจากนี้ บริษัทฯ จะยังคงเดินหน้าเพิ่มยอดขายอย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพรอง รับคำสั่งซื้อจากลูกค้ารายเดิมที่ เข้ามา และการรุกตลาดใหม่ๆ จากการเพิ่มจำนวนทีมขายไปยังประเทศกลุ่มเป้าหมายที่น่าสนใจ อีกทั้ง ในไตรมาส 2/2559 บริษัทฯ มีแผนที่จะเข้าไปเจรจาเพื่อจำหน่ายสินค้ากับผู้ประกอบการรายใหญ่ในประเทศ ญี่ปุ่นเพิ่มเติมอีก
ทั้งนี้ จากแผนการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่จำนวน 70,200,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท เพื่อรองรับการใช้สิทธิใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ ครั้งที่ 1 หรือ XO-W1 จำนวนไม่เกิน 70,000,000 หุ้น ที่จัดสรรจัดให้ผู้ถือหุ้นเดิม สัดส่วน 5 หุ้นเดิม ต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ โดยไม่คิดมูลค่า และเพื่อรองรับการปรับสิทธิ ESOP Warrant โดย XO-W1 มีอายุไม่เกิน 3 ปี นับแต่วันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ อัตราใช้สิทธิ 1 ต่อ 1 ในราคา 4 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิซื้อหลักทรัพย์ แปลงสภาพ (XW) 3 พฤษภาคม 2559 กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับการจัดสรร 9 พฤษภาคม 2559 เพื่อนำไปใช้ขยายธุรกิจ และการควบรวมกิจการ (M&A) ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างพูดคุย มีอยู่ทั้งสิ้น 2 ดีล หวังสร้าง Synergy ในอนาคต ด้านบริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนะสิน จำกัด (มหาชน) ระบุว่า แนะนำซื้อหุ้น "XO" โดยมีราคาเป้าหมายปี 2016 ที่ราคา 6.50 บาท/หุ้น (Fully Dilute ขึ้น XWวันที่ 3 พ.ค. 2559) ขณะที่ราคาเป้าหมายก่อนเพิ่มทุนจะอยู่ที่ 7.20 บาท/หุ้น โดยมองว่า XO เป็นผู้ส่งออกเครื่องปรุงรสรายใหญ่ที่มีศักยภาพในการเติบโตจากการขยายโรงงาน แห่งที่ 2 หลังปลดล็อคกำลังผลิตที่เคยถูกจำกัดจากการผลิตเต็มกำลังในปี 2558 เพื่อรองรับอุปสงค์ในตลาดโลกที่เติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง ประกอบกับแนวโน้มยอดขายมีเสถียรภาพมากขึ้น หลัง ลดความเสี่ยงเรื่องค่าเงินด้วยการเปลี่ยนการ ขายผ่านสลุกเงินยูโรซึ่งมีความเสี่ยงกรณี ยู โร อ่อนมาเป็นการขายในสกุลเงินบาทโดยมีสัดส่วน เงินบาทเพิ่มขึ้นจาก 16.3% เป็น 48% ในปี 2015 และคาดว่าจะเพิ่มสู่ขึ้นระดับ 57% ในปี 2016 หนุนยอดขายโตเฉลี่ย 14.5% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า