กรุงเทพฯ--26 เม.ย.--แฟรนคอม เอเชีย
Slim d'Hermès รังสรรค์ท่วงทำนองจากลายเส้นที่บริสุทธิ์และเรียบง่าย ตั้งแต่การออกแบบตัวเรือน ไปจนถึงลายเส้นของตัวเลขบอกเวลาบนหน้าปัด สะท้อนชัดถึงการกลับเข้าสู่แก่นแท้ของศิลปะการสร้างสรรค์เครื่องบอกเวลา ล่าสุด คอลเลกชั่น Manufacture ได้เพิ่มเรือนเวลาที่ผลิตขึ้นเพื่อสดุดีแก่ความเชี่ยวชาญในศิลปะการทำอานม้าและเครื่องหนังของแอร์เมส
ฟิลิปป์ เดโลตัล (Philippe Delhotal) ครีเอทีฟ ไดเรคเตอร์ของ ลา มองเทรอ แอร์เมส ได้กล่าวไว้ว่า "เรือนเวลาคอลเลกชั่นนี้เกิดขึ้นจากการพบกันระหว่างแอร์เมส นักออกแบบและช่างฝีมือ การหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวของความงดงามร่วมสมัยและความคลาสสิกในเรือนเวลา Slim d'Hermès จึงสะท้อนถึงแก่นแท้ของความเป็นแอร์เมสได้เป็นอย่างดี"
ศิลปะแห่งกราฟิกและทักษะการประดิษฐ์เครื่องบอกเวลาได้รับการผสมผสานอย่างลงตัวเพื่อความงามอันเป็นพิสุทธิ์ ความชำนาญของช่างฝีมือแอร์เมสได้สะท้อนผ่านหน้าปัด ตัวเรือน และเครื่องกลไกรุ่นบางพิเศษที่แอร์เมสผลิตขึ้นเอง ความเพรียวบางของตัวเรือนช่วยขับเน้นลายเส้นที่เรียบหรูให้ดูโดดเด่น พร้อมหูเชื่อมสายที่ออกแบบมาให้รับกับตัวเรือน ดีไซน์ที่สอดประสานกันนี้ยังรวมไปถึงสายนาฬิกาที่ม้วนรอบสลักเชื่อมสายได้อย่างลงตัว ผลลัพธ์ที่ได้คือความงดงามอันบริสุทธิ์ภายใต้ดีไซน์ที่เรียบง่าย แสดงให้เห็นถึงการผสมผสานอันพอเหมาะระหว่างความเที่ยงตรงและความสมดุลที่ปรากฎแก่สายตา
อักขระรูปแบบพิเศษ
นับเป็นครั้งแรกที่ฟิลิปป์ อะเปอลัวก์ ได้รังสรรค์ตัวเลขกราฟิก ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของเรือนเวลารุ่นนี้ ความบางเบาของอักขระที่มีจังหวะเรียบง่ายแต่สะกดสายตานี้อวดโฉมอยู่บนหน้าปัดกว้าง "ผมสร้างสรรค์มันขึ้นมาโดยอาศัยหลักพื้นฐาน เหมือนกับที่นักแต่งเพลงวางโน้ตเพลง 7 ตัวลงบนเส้นบรรทัดตอนทำวงซิมโฟนี่" ฟิลิปป์ อะเปอลัวก์ กล่าว "ผมได้แรงบันดาลใจจากการเคลื่อนไหวร่างกายของมนุษย์ แล้วจึงค่อยมองหาระดับเสียงและท่วงทำนองผ่านการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าและซ้อนทับกันไปมา"
ลายเส้นของตัวเลขยังทำหน้าที่หลักของนาฬิกา นั่นก็คือ สามารถอ่านเวลาได้อย่างชัดเจน โดยไม่จำเป็นต้องมีองค์ประกอบที่มากเกินไป เครื่องหมายบอกชั่วโมงซึ่งคล้ายรูปทรงเรขาคณิต เขียนขึ้นด้วยการลากเส้นเพียงครั้งเดียวโดยไม่มีการทิ้งน้ำหนักลงในตอนท้าย และเช่นเดียวกับความเงียบที่ช่วยเน้นท่วงทำนองในโน้ตดนตรี ลายเส้นของตัวเลขจึงขาดหายไปในบางช่วง เพื่อสื่อถึงความเงียบในการออกแบบเพื่อบอกเล่าเรื่องราวของท่วงทำนองแห่งเวลา
หน้าปัดที่เรียบง่ายแต่งามสง่ามีทั้งหมด 3 ระดับ ได้แก่ วงหน้าปัดรอบนอก แผ่นวงกลมกลางหน้าปัด และหน้าปัดย่อยสำหรับบอกวินาที
เติมสีสันจากจานสีของศิลปิน
แอร์เมสเปิดตัวคอลลเลกชั่น Slim d'Hermès เป็นครั้งแรกในปี 2558 ด้วยรุ่น Slim d'Hermès Manufacture ซึ่งขับเคลื่อนด้วยกลไก H1950 รุ่นบางพิเศษ และรุ่น Slim d'Hermès Perpetual Calendar โดยทั้งสองรุ่นมีตัวเรือนขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 39.5 มม. สำหรับสุภาพบุรุษ และขนาด 32 มม. และ 25 มม. สำหรับสุภาพสตรี
ล่าสุด สุภาพสตรีสามารถเลือกสวมใส่ Slim d'Hermès Manufacture รุ่นตัวเรือนขนาด 39.5 มม. ที่ควบคุมการทำงานด้วยกลไกรุ่นบางพิเศษ พร้อมเพิ่มความมีชีวิตชีวาด้วยสายหนังจระเข้สีสันสดใส อาทิ สีน้ำเงินแซฟไฟร์ สีเทาเอเลแฟนท์ สีแดงเจอเรเนียม สีเหล้าคาสซิส หรือสีดำ หรือจะเลือกสวมใส่รุ่นประดับเพชรสีขาวล้อมหน้าปัดจำนวน 66 เม็ด หน้าปัดเคลือบเงินโอปอลทอประกายทำให้ Slim d'Hermès Manfuacture ดูเจิดจรัสสำหรับสุภาพสตรีโดยเฉพาะ เรือนเวลาสำหรับสุภาพบุรุษหรูหราเพิ่มขึ้นกับเฉดสีใหม่ด้วยหน้าปัดสีเทาหินชนวนคู่กับสายหนังจระเข้สีเทาเอเลแฟนท์ ส่วนสายหนังสีครามเนื้อด้านรับกับสีโทนหม่นแบบมิดไนท์บลูของ Slim d'Hermès ได้อย่างลงตัว สายนาฬิกาผ่านการผลิตจากเวิร์คช็อปเครื่องหนังของแอร์เมส โดยมีช่างทำอานม้าและช่างผลิตเครื่องหนัง ที่ได้รับการฝึกฝนจากแอร์เมสเป็นผู้รังสรรค์โดยตรง
กลไกรุ่น H1950
เรือนเวลา Slim d'Hermès Manufacture ควบคุมการทำงานด้วยกลไก H1950 รุ่นบางพิเศษ ที่สามารถมองเห็นความงดงามของตัวเครื่องผ่านกระจกแซฟไฟร์โปร่งแสง ทำหน้าที่ขับเคลื่อนการบอกเวลาชั่วโมง นาที และหน้าปัดย่อยบอกวินาที ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกา บาง 2.6 มม. พร้อมลานสำรองพลังงานนาน 42 ชม. ระบบไขลานอัตโนมัติด้วยไมโครโรเตอร์ที่ใช้เทคนิคอันซับซ้อน พื้นผิวเคลือบเงารวมถึงสะพานเครื่องเกลาด้วยมือเผยให้เห็นถึงการยึดมั่นในศิลปะการผลิตเครื่องบอกเวลาแบบดั้งเดิมได้เป็นอย่างดี และเช่นเดียวกับกลไกแอร์เมสทุกรุ่น คาลิเบอร์ H1950 ได้รับการประดับและตกแต่งพิเศษด้วยตัวอักษร H ตั้งแต่เริ่มต้นออกแบบจนกลายเป็นเรือนเวลาที่สมบูรณ์ Slim d'Hermès Manufacture ได้รังสรรค์ผลงานระดับวงซิมโฟนีที่ถักทอศิลปะกราฟิกเข้ากับเทคนิคการทำนาฬิกาด้วยทักษะอันเชี่ยวชาญอย่างงดงามลงตัว