แนวโน้มเครดิตของไพรมัสเปลี่ยนเป็นลบ

ข่าวทั่วไป Friday September 28, 2001 18:07 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--28 ก.ย.--ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย)
ฟิทช์ - กรุงเทพ/ลอนดอน - 28 กันยายน 2544: ฟิทช์ได้ประกาศในวันที่ 26 กันยายน ว่าอันดับเครดิตระดับสากล (International ratings) ของบริษัทฟอร์ด และฟอร์ดเครดิต สหรัฐอเมริกา และบริษัทลูกของฟอร์ด ถูกลดอันดับลงจากระดับ 'A+' เป็นระดับ 'A-' ด้วยแนวโน้มลบ และอันดับเครดิตระยะสั้น (Short-term ratings) ถูกลดระดับลงจาก 'F1' เป็นระดับ 'F2' ด้วยเหตุนี้ ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด จึงได้เปลี่ยนอันดับแนวโน้มเครดิตภายในประเทศ (National ratings) ระดับ AAA(ไทย) ของหุ้นกู้มีประกันมูลค่า 3.4 พันล้านที่ออกโดยบริษัท ไพรมัส ลีสซิ่ง จำกัด จากแนวโน้มมีเสถียรภาพมาเป็นแนวโน้มลบ แนวโน้มอันดับเครดิตแสดงถึงทิศทางของอันดับเครดิตในช่วงหนึ่งถึงสองปีข้างหน้า แนวโน้มอันดับเครดิตลบไม่ได้แสดงถึงว่าจะต้องมีการปรับอันดับเครดิตเสมอไป อันดับเครดิตที่ฟิทช์ให้กับหุ้นกู้มีประกันนี้มีพื้นฐานมาจากการค้ำประกันอย่างไม่มีเงื่อนไขของฟอร์ด เครดิต ที่สหรัฐอเมริกา (สหรัฐฯ)
การประกาศลดอันดับครั้งนี้มีเหตุมาจากฐานะทางด้านการเงินและผลประกอบการที่อ่อนแอลงของฟอร์ด เนื่องมาจากการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดสหรัฐฯ และปัญหาที่เกี่ยวเนื่องกับเรื่องภาพพจน์และคุณภาพของสินค้า รวมถึงการลดลงของส่วนแบ่งตลาดและการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายด้านการตลาด เหตุทั้งหมดที่ได้กล่าวข้างต้นนี้ได้ส่งผลให้สภาพคล่องของฟอร์ดลดลง ซึ่งเป็นแนวโน้มสำคัญที่จะทำกระทบต่อระดับทรัพย์สินที่เป็นเงินสดของฟอร์ด ในช่วงกลางถึงปลายของศตวรรษ 90 ฟอร์ดได้ปรับเปลี่ยนสินค้าให้เหมาะกับสภาพความต้องการที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภคซึ่งมีความต้องการรถอเนกประสงค์และรถบรรทุกขนาดเล็กมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถอเนกประสงค์ Ford Explorer ซึ่งเป็นผู้นำของตลาดรถด้านนี้ตั้งแต่เริ่มนำสู่ตลาด ในช่วงที่มีการเติบโตที่รุนแรงของตลาดรถเอนกประสงค์ที่ผ่านมานี้ ฟอร์ดได้รักษาส่วนแบ่งการตลาดได้อย่างเหนียวแน่น แต่ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาผู้ผลิตรถของประเทศญี่ปุ่นและยุโรปได้ทำการพัฒนารถประเภทเดียวกันเพื่อแข่งขันกับฟอร์ดในตลาดรถอเนกประสงค์ ซึ่งส่งผลให้ส่วนแบ่งในตลาดสหรัฐฯของฟอร์ดนั้นลดลงอย่างต่อเนื่องโดยในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมาจากกรกฎาคม 2543 ถึง 2544 ฟอร์ดได้เสียส่วนแบ่งการตลาดถึง 1.6% การเสียส่วนแบ่งตลาดเกิดขึ้นถึงแม้ว่าฟอร์ดได้เพิ่มค่าใช้จ่ายทางการตลาดสูงขึ้น โดยเฉพาะตลาดรถอเนกประสงค์ขนาดใหญ่และระดับสูงซึ่งเป็นตลาดที่สร้างผลกำไรให้กับฟอร์ดเป็นอย่างมากได้ถูกคู่แข่งจากต่างชาติและคู่แข่งอย่าง General Motors Corporation ที่ได้ทำการพัฒนารถรุ่นใหม่ๆเพื่อแบ่งส่วนแบ่งการตลาดจากรถหลายๆรุ่นของฟอร์ดซึ่งรวมถึงรถรุ่น Expedition, Navigator และ Excursion จากการแข่งขันที่สูงขึ้นนั้นได้ส่งผลให้ผลให้ค่าส่งเสริมทางการตลาดเพิ่มสูงขึ้นและในที่สุดก็จะส่งผลให้กำไรของฟอร์ดที่ได้จากตลาดรถแบบอเนกประสงค์ลดลง เมื่อไม่นานมานี้ภาพพจน์ของฟอร์ดได้รับผลกระทบจากปัญหาที่เกี่ยวเนื่องกับคุณภาพสินค้า นั่นคือการเรียกคืนยางไฟล์สโตนซึ่งส่งผลให้เกิดความสูญเสียส่วนแบ่งการตลาด ทางฟอร์ดยังคงพบกับอุปสรรคหลายประการในการออกสินค้าใหม่ๆและปัญหาทางด้านคุณภาพอื่นๆ เมื่อรวมค่าเสียหายที่เกิดจากถึงการเรียกเก็บยางไฟล์สโตนจำนวน 2.1 พันล้านเหรียญดอลล่าห์สหรัฐฯแล้ว ค่าเสียหายที่เกี่ยวข้องกับปัญหาทางด้านคุณภาพทั้งหมดน่าจะสูงกว่า 3 พันล้านเหรียญดอลล่าห์สหรัฐฯในปี 2544
จากการที่อุตสาหกรรมรถยนต์ที่สหรัฐฯมีกำลังการผลิตสูงกว่าความต้องการของตลาดทำให้ค่าใช้จ่ายด้านการตลาดมีแนวโน้มสูงขึ้นและสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงเศรษฐกิจชลอตัว เหตุการณ์ในวันที่ 11 กันยายนได้ส่งผลทำให้ค่าใช้จ่ายทางการตลาดสูงขึ้นอีก ดังจะเห็นได้จากการเสนอดอกเบี้ยพิเศษ 0% ให้แก่ผู้ซื้อรถยนต์ จากเหตุข้างต้นนี้ฟิทช์คาดการณ์ว่าจะเป็นการยากที่ฟอร์ดจะบรรลุผลประกอบการกำไรในส่วนของผลิตภัณฑ์รถยนต์ที่สหรัฐฯ นอกจากนี้ ผลการดำเนินงานโดยรวมของฟอร์ดจะได้รับผลกระทบจากผลขาดทุนของกลุ่มฟอร์ดในทวีปยุโรป ลาตินอเมริกาและภูมิภาคอาเซียน
ในช่วงเดือนมิถุนายน 2543 ฟอร์ดมีทรัพย์สินที่เป็นเงินสดสูงมากถึง 25 พันล้านเหรียญดอลล่าห์สหรัฐฯ ฟอร์ดจึงได้มีการแจกจ่ายเงินปันผล ซื้อหุ้นกลับ และซื้อกิจการเพิ่มเติม จนกระทั่งภายในช่วงเดียวกันของปี 2544 ทรัพย์สินที่เป็นเงินสดได้ลดลงไปอยู่ที่ 16 พันล้านเหรียญดอลล่าห์สหรัฐฯ ในขณะที่สภาพคล่องสุทธิตั้งอยู่ที่ประมาณ 7 พันล้านเหรียญดอลล่าห์สหรัฐฯ ในช่วงเวลาที่เหลือของปี 2544 นี้นั้นสภาพคล่องของฟอร์ดน่าจะถูกผลกระทบเพิ่มเติมจากค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับปัญหาด้านคุณภาพ ผลประกอบการขาดทุน และค่าใช่จ่ายในการปรับปรุงโครงสร้างบริษัท ฟิทช์เชื่อว่าถ้ามีการถดถอยของเศรษฐกิจมากขึ้นฟอร์ดจะต้องเปลี่ยนจากสภาพที่มีเงินสดสุทธิไปเป็นสภาพที่มีหนี้สินสุทธิในปี 2545 อย่างไรก็ตามในระยะยาวฟิทช์คาดว่าจากความแข็งแกร่งของสินค้าใหม่ที่พัฒนาออกมาและการลงทุนทางด้านการพัฒนา รวมถึง ความสามารถในการลงทุนใหม่ น่าจะทำให้ฟอร์ดยังคงสามารถรักษาความเป็นผู้ประกอบการที่สำคัญในตลาดการค้ารถยนต์ของโลก
ในส่วนของฟอร์ดเครดิต ฟอร์ดเครดิตยังคงมีระบบบริหารและการดำเนินงานที่ดีและยังคงเป็นบริษัทที่เป็นส่วนสำคัญของกลุ่มฟอร์ด ฟอร์ดเครดิตได้มีการบริหารแหล่งเงินทุนและสภาพคล่องอย่างทันท่วงที ฟอร์ดเครดิตได้เปลี่ยนนโยบายการกู้เงินจากตลาดเงินทุนระยะสั้น (Commercial paper) เป็นการกู้เงินจากตลาดเงินทุนอื่น เช่นการออกหุ้นกู้ที่มีทรัพย์สินเป็นประกัน (Securitization) นอกจากนี้ฟอร์ดเครดิตยังได้รับการสนับสนุนจากธนาคารต่างๆในรูปของวงเงินกู้ที่ไม่สามารถยกเลิกได้ ซึ่งเป็นแหล่งเงินทุนที่ฟอร์ดเครดิตสามารถใช้ได้เมื่อต้องการ ระดับของเงินกองทุนนั้นยังคงอยู่ในระดับเพียงพอต่ออันดับเครดิตที่ได้รับ อย่างไรก็ตาม ฟิทช์คาดการณ์ว่าคุณภาพของสินทรัพย์ทั้งที่เป็นเงินกู้รายย่อยและรายใหญ่จะได้รับความกดดันจากสภาพเศรษฐกิจที่เป็นอยู่นี้
ในขณะที่อันดับเครดิตของฟอร์ดยังคงอยู่สูงกว่าอันดับเครดิตของประเทศไทยสำหรับสกุลเงินบาทที่ระดับ BBB+ แต่เนื่องจากแนวโน้มที่ถดถอยของฟอร์ดและฟอร์ดเครดิตทำให้แนวโน้มของอันดับเครดิตเป็นลบ ฉะนั้นจึงมีความเป็นไปได้ที่อันดับของฟอร์ดและฟอร์ดเครดิตจะส่งผลให้อันดับเครดิตของหุ้นกู้มีประกันมูลค่า 3.4 พันล้านที่ออกโดยบริษัท ไพรมัส ลีสซิ่ง อาจจะถูกกระทบได้ในอนาคตช่วงปีถึงสองปีข้างหน้า
หมายเหตุ : แนวโน้มอันดับเครดิตแสดงถึงทิศทางของอันดับเครดิตในช่วงหนึ่งถึงสองปีข้างหน้า แนวโน้มอันดับเครดิตบวกหรือลบไม่ได้แสดงถึงว่าจะต้องมีการปรับอันดับเครดิตเสมอไป การจัดอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Ratings) ใช้วัดความน่าเชื่อถือของบริษัทในประเทศที่อันดับเครดิตของรัฐบาลในประเทศนั้นอยู่ในระดับต่ำกว่า "AAA" ในระดับการจัดอันดับเครดิตแบบสากล (International Ratings) อันดับเครดิตภายในประเทศจึงไม่สามารถเปรียบเทียบกับอันดับเครดิตแบบสากล เนื่องจากอันดับเครดิตของบริษัทที่ดีที่สุดของประเทศได้จัดไว้ที่ระดับ "AAA" และการจัดอันดับเครดิตอื่นในประเทศ จะเป็นการเปรียบเทียบความเสี่ยงกับบริษัทที่ดีที่สุดนี้เท่านั้น อันดับเครดิตภายในประเทศจะมีสัญลักษณ์ที่กำหนดไว้ต่อท้ายจากอันดับเครดิตสำหรับประเทศนั้นๆ เช่น "AAA(tha)" ในกรณีของประเทศไทย
ติดต่อดุษฎี ศรีชีวะชาติ; Vincent Milton, กรุงเทพฯ +662 655 4762/4759 Mark Oline, ชิคาโก +1 312 368 2073--จบ--
-สส-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ