กรุงเทพฯ--26 เม.ย.--จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่
นับเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของวงการเพลงไทย เมื่อกลุ่มศิลปินเพื่อชีวิตแดนใต้ นำโดย ตุด นาคอน / เอ๋ สันติภาพ / วงพัทลุง/ วงมอร์แกน / วง L.ก.ฮ. / ตาโอ๋ วงเซอร์ / โอ พารา / วงแบเบาะ วงสติ๊กเกอร์ /บอยเพลย์ / วงยกล้อ / เบิ้ล ยุทธพล / วงรถดั้ม / นึก ชวาลา / วงพาโล / วงจำเป็นฯ ธีเดช ทองอภิชาติ /ก้อย กินรี / ธิดาดิน / กร ท่าแค / เจเจฟู / ปุ้ม ตะวันเคียง ฯลฯ ร่วมเป็นพันธมิตรในการมอบหมายให้ จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ช่วยดูแลลิขสิทธิ์เพลงและร่วมมือกันสร้างสรรค์งานเพลงในอนาคต โดยมีศิลปินจากค่ายอัพ^จี และแกรมมี่โกลด์ นำโดย วง พาราต้า, รัชนก ศรีโลพันธุ์ และ สนธยา ชิตมณี คอยให้การต้อนรับ ณ อาคารจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เพลส ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก
กริช ทอมมัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานจีเอ็มเอ็ม มิวสิค บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า นอกเหนือจากการผลิตผลงานเพลงภายใต้จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ แล้ว ภาระกิจที่สำคัญอีกประการหนึ่งที่แกรมมี่เล็งเห็นก็คือ การร่วมพัฒนาอุตสาหกรรมเพลงในภาพรวมให้เติบโตต่อไป ซึ่งแกรมมี่มองเห็นว่าในทุกวันนี้เรามีพี่น้องนอกค่ายแกรมมี่ที่อยู่บนถนนสายดนตรีอีกเป็นจำนวนมาก หลายๆศิลปินมีความสามารถในด้านดนตรี มีผลงานเพลงดีๆ เขาเหล่านี้มีโอกาสที่จะเจริญเติบโตเป็นซูเปอร์สตาร์ได้ในอนาคต ซึ่งแกรมมี่จะเข้าไปสนับสนุนในการหยิบยื่นโอกาส ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของช่องทางการจัดจำหน่ายทั้งที่เป็น การทำอัลบั้มรวมฮิตในรูปแบบเอ็มพี 3 , การดาวน์โหลด และการขายผ่านทางช่องทาง ดิจิจิตัล เพื่อนำพาผลงานเพลงของศิลปินเหล่านี้ ไปสู่แฟนเพลงของพวกเขาในวงกว้าง รวมถึงการขยายตลาดไปสู่แฟนเพลงกลุ่มใหม่ๆให้เพิ่มขึ้นด้วย
โดยกลุ่มศิลปินเพื่อชีวิตแดนใต้ นับเป็นกลุ่มศิลปินกลุ่มแรกที่แกรมมี่มองเห็นถึงศักยภาพและโอกาสในการเติบโตในอุตสาหกรรมเพลง โดยที่ผ่านมาแกรมมี่ได้เข้าไปพูดคุย และเสนอแนะถึงโอกาสในการสร้างรายได้ผ่านช่องทางต่างๆ ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี โดยมีศิลปินเข้าร่วมเป็นพันธมิตรเพื่อให้แกรมมี่ดูแลในด้านต่างๆ อาทิ ด้าน สิทธิ์ในการเผยแพร่ อันได้แก่การดูแลการทำ อัลบั้มรวมฮิตเอ็มพี 3 , เรื่องการดาวน์โหลด และการขายผ่านช่องทาง ดิจิตอล เช่น ยูทูป, ไอจูน, จู๊ค, เคเคบ๊อกซ์ เป็นต้น การดูแลสิทธิ์ในการเก็บค่าเผยแพร่ในรายการทีวี , การดูแลสิทธิ์ในการนำเพลงไปใช้ประกอบภาพยนตร์ ละคร และโฆษณา รวมถึงการนำผลงานเพลงของเขาออกสู่ตลาดโลก เป็นต้น ซึ่งศิลปินแต่ละคนสามารถเลือกให้แกรมมี่ ดูแลเรื่องลิขสิทธิ์ในช่องทางต่างๆได้ตามความต้องการของเขา และในอนาคตเรายังมีโครงการที่จะสร้างสรรค์ผลงานเพลงร่วมกับศิลปินเหล่านี้ด้วย
"ขณะนี้มีกลุ่มศิลปินเพื่อชีวิตแดนใต้กว่า 30 วงที่เข้ามาให้แกรมมี่ช่วยดูแลสิทธิ์ให้ ซึ่งสิ่งที่เราจะทำให้กับศิลปินกลุ่มนี้ก็คือ การเข้าไปเติมเต็มในส่วนที่เขายังขาดหรือไม่มี เพื่อให้เขามีรายได้เพิ่มขึ้นจากช่องทางต่างๆ จากเดิมที่เขาไม่เคยได้รับหรือได้รับอย่างไม่เต็มที่ ก็จะช่วยให้ศิลปินเหล่านี้มีรายได้เพิ่มขึ้น เขาก็จะมีกำลังใจในการสร้างสรรค์ผลงานเพลงดีๆออกมา ซึ่งจากความร่วมมือในครั้งนี้ แกรมมี่ได้จัดทำ MP3 ชุดรวมฮิตมิตรรักปักษ์ใต้ วางจำหน่ายในร้านเซเว่นอีเลฟเว่นทั่วประเทศ ในวันที่ 28 เมษายน 2559 นี้ พร้อมกับการออนแอร์เอ็มวีเพลงของศิลปินเหล่านี้ผ่านทางช่อง FanTV ในวันเดียวกันด้วย"
เอ๋ สันติภาพ (ไพศาล จันทรรัตน์) ในฐานะศิลปินอิสระ กล่าวว่า ทุกวันนี้ผมทำงานเพลงเอง รับงานโชว์เอง ซึ่งรายได้หลักก็มาจากงานโชว์ตามสถานที่ต่างๆ แบบที่เรามีอิสระในอาชีพนักดนตรีตามแนวเพลงของเรา เมื่อวันหนึ่งทางจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เชิญให้มาฟังเรื่องโอกาสการทำธุรกิจร่วมกัน พอฟังแล้วก็รู้สึกว่าเป็นข้อเสนอที่เปิดกว้างให้กับศิลปินอิสระอย่างเราได้มีช่องทางที่จะร่วมงานกัน เราสามารถเลือกได้ว่าจะให้แกรมมี่เข้ามาดูแลในด้านใดบ้าง ซึ่งกรณีของผม ก็ให้ดูแลในเรื่องลิขสิทธิ์เพลงที่จะนำไปทำ MP3 การดาวน์โหลด การลงในยูทูป ไปจนถึงช่องทางของสื่อต่างๆ ที่ผมมองว่าแกรมมี่มีความแข็งแรงในจุดนี้ รวมทั้งเรื่องการตลาดด้วย หากเข้ามาเสริมกันได้ก็ทำให้ผมและเพื่อนๆนักดนตรี สามารถขยายฐานแฟนเพลงไปยังกลุ่มใหม่ๆได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ผมเชื่อว่าศิลปินทุกคนรู้สึกดีครับ"
โอ พารา (ทิวากร แก้วบุญส่ง) ศิลปินเพลงเพื่อชีวิต เจ้าของผลงานเพลงดัง อาทิ เฟสบุ๊คบุกสวนยาง ยางผลัดใบ ฯลฯ และเป็นผู้ก่อตั้ง "พาราฮัท มิวสิค" กล่าวว่า พาราฮัท มิวสิค ก่อตั้งขึ้นเพื่อสานฝันให้เด็กที่ชื่นชอบในเส้นทางสายดนตรี มีสไตล์และผลงานเพลงที่เป็นเพลงใต้ภาษาท้องถิ่น ซึ่งปกติเราก็ทำเพลงออกมาเป็นซิงเกิล ปล่อยในยูทูปบ้าง ในเคเบิลทีวีบ้าง และรับงานแสดงทั่วไป เมื่อได้มาพูดคุยกับทาง แกรมมี่ ที่เปิดโอกาสให้ เรารู้สึกเลยว่ามันเป็นโอกาสที่ดี โดยเฉพาะในเรื่องของการทำอัลบั้ม ที่ทางแกรมมี่นำเพลงของเรามารวมอยู่ใน MP3 ในชุดรวมฮิตมิตรรักปักษ์ใต้ ซึ่งจะวางจำหน่ายในร้านเซเว่นฯ โดยที่เรามอบสิทธิ์ให้นำไปใช้ ซึ่งลำพังเราทำเองคงไม่สามารถทำได้ขนาดนี้ ก็รู้สึกดีครับ โดยเฉพาะเรื่องรายได้ที่มีความชัดเจน มีมาตรฐาน ทำให้รู้สึกสบายใจ และมีกำลังใจในการทำงานมากขึ้นครับ"