กรุงเทพฯ--28 เม.ย.--กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) จัดกิจกรรม "โฆษก...พบสื่อ" ครั้งที่ ๒ เพื่อชี้แจงความคืบหน้าการขับเคลื่อนงานตามภารกิจของกระทรวงฯ ในด้านต่างๆ ซึ่งครั้งนี้มีการให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเตรียมงานจัดประชุมคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวง ครั้งที่ ๔/๒๕๕๙ ซึ่งกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ เป็นเจ้าภาพจัดประชุม ในวันที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๕๙ และความคืบหน้าภายหลังคณะรัฐมนตรี(ครม.) มีมติเห็นชอบแผนการลงทุนโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยของการเคหะแห่งชาติ ปี ๒๕๕๘ – ๒๕๖๐ และขออนุมัติโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัย ชุดที่ ๑ ปี ๒๕๕๘ รวมทั้งสนธิสัญญามาร์ราเคช Marrakesh เพื่ออำนวยความสะดวกในการเข้าถึงงานที่มีการโฆษณาแล้วสำหรับคนตาบอด คนพิการทางการเห็น และคนพิการทางสื่อสิ่งพิมพ์ โดยมี พลตำรวจเอก สุวัฒน์ จันทร์อิทธิกุล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นางสาวอุษณี กังวารจิตต์ ผู้ตรวจราชการกระทรวง นางสาวอุบลวรรณ สืบยุบล รองผู้ว่าการ รักษาการแทนผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ และ นางสาวอนุสรี ทับสุวรรณ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในฐานะโฆษกประจำรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เข้าร่วมกิจกรรม ณ บริเวณ ชั้น ๑ อาคารกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ สะพานขาว กรุงเทพฯ
นางสาวอนุสรี กล่าวว่า การประชุมคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวง ครั้งที่ ๔/๒๕๕๙ กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ได้รับมอบหมายให้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ในวันที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๕๙ ที่ห้องประชุมชั้น ๒ กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ สะพานขาว กรุงเทพฯ โดยจะมีผู้ช่วยรัฐมนตรีทุกกระทรวงเข้าร่วมประชุม ซึ่งการประชุมครั้งนี้จะมีการพิจารณาการส่งเสริมการจ้างงานคนพิการ และการดำเนินงานด้านที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย (โครงการฟื้นฟูชุมชนเมืองดินแดง บ้านเคหะประชารัฐ การพัฒนาที่อยู่อาศัยริมคลองลาดพร้าว) ทั้งนี้ กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ได้เตรียมความพร้อมด้านต่างๆในการจัดประประชุมดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว
นางสาวอนุสรี กล่าวต่อไปว่า สำหรับการขับเคลื่อนโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยของการเคหะแห่งชาตินั้น คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ เสนอ เมื่อวันที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๕๙ ดังนี้ ๑. เห็นชอบแผนการลงทุนโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยของการเคหะแห่งชาติ ปี ๒๕๕๘ – ๒๕๖๐ จำนวน ๑๑๖ โครงการ ๓๕,๓๔๒ หน่วย วงเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น ๒๓,๒๓๔.๔๑๙ ล้านบาท ซึ่งอยู่ภายใต้แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาที่อยู่อาศัย ๑๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๕๙ – ๒๕๖๘) โดยโครงการที่ได้รับอนุมัติขับเคลื่อน ประกอบด้วย ๑) โครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุดที่ ๑ ปี ๒๕๕๘ – ๒๕๕๙ ๒) โครงการอาคารเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อย ปี ๒๕๕๘ – ๒๕๖๐ ๓) โครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง (แปลง G ตั้งอยู่บริเวณมุมถนนดินแดงตัดกับถนนวิภาวดี-รังสิต) และ ๔) โครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยตามโครงข่ายคมนาคมโครงสร้างพื้นฐาน ๒. อนุมัติการดำเนินโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัย ชุดที่๑ ปี ๒๕๕๘ จำนวน ๔๓ โครงการ ๑๑,๔๘๕ หน่วย วงเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น ๗,๗๙๒.๙๕๓ ล้านบาท โดยแบ่งเป็นโครงการเคหะชุมชนและบริการชุมชนสำหรับผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลาง จำนวน ๓๐ โครงการ ๑๐,๐๙๓ หน่วย และโครงการฯ สำหรับผู้มีรายได้ปานกลางถึงรายได้สูง จำนวน ๑๓ โครงการ ๑,๓๙๒ หน่วย และคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างภายในปี ๒๕๕๙ จำนวน ๑๙ โครงการ รวมทั้งสิ้น ๓,๗๒๙ หน่วย และจะก่อสร้างโครงการให้แล้วเสร็จภายในปี ๒๕๖๑ ซึ่งจะเปิดจองโครงการประมาณปลายเดือนมิถุนายน ๒๕๕๙
นางสาวอนุสรี กล่าวเพิ่มเติมว่า พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๘ ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษาและมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ ๖ เมษายน ๒๕๕๘ ที่ผ่านมา ได้เพิ่มเติมบทบัญญัติในส่วนของข้อยกเว้นการละเมิดลิขสิทธิ์เพื่อประโยชน์ของคนพิการ แต่ในสาระสำคัญของกฎหมายดังกล่าวยังไม่สอดคล้องกับข้อกำหนดที่บัญญัติไว้ในสนธิสัญญามาร์ราเคช เนื่องจากพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๘ กำหนดข้อยกเว้นการละเมิดลิขสิทธิ์ เพื่อประโยชน์ของคนพิการเฉพาะสิทธิในการทำซ้ำหรือดัดแปลงงานอันมีลิขสิทธิ์ ขณะที่สนธิสัญญามาร์ราเคช กำหนดให้การดัดแปลงทำได้อย่างจำกัดเฉพาะในรูปแบบเพื่อให้ผู้ได้รับประโยชน์ตามสนธิสัญญาฯ เข้าถึงได้เท่านั้น และได้ขยายสิทธิให้รวมถึงสิทธิในการจำหน่ายและสิทธิในการทำให้ปรากฏต่อสาธารณชน ซึ่งมากกว่าสิทธิที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ฯ ทั้งนี้ ประเทศไทยได้ให้สัตยาบันต่ออนุสัญญาว่าด้วยสิทธิคนพิการ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๕๗ และปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ได้เป็นหัวหน้า
คณะผู้แทนไทย พร้อมด้วยผู้แทนจากกระทรวงที่เกี่ยวข้อง เดินทางไปรายงานประเทศเกี่ยวกับการปฏิบัติตามพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิคนพิการ ต่อคณะกรรมการประจำอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิคนพิการ ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส เมื่อวันที่ ๓๐-๓๑ มีนาคม ๒๕๕๙ ที่ผ่านมา ซึ่งการให้ความเห็นชอบหลักการการลงนามต่อสนธิสัญญามาร์ราเคชนั้นเพื่ออำนวยความสะดวกในการเข้าถึงงานที่มีการโฆษณาแล้วสำหรับคนตาบอด คนพิการทางการเห็น และคนพิการทางสื่อพิมพ์ เป็นการแสดงบทบาทและภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศอีกด้วย