กรุงเทพฯ--29 เม.ย.--เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส
ดร.โสภณ ฟันธง โครงการประชารัฐ สร้างบ้านคนจน จะตกม้าตายไม่ได้ผล เจ๊งแน่นอน!
ข่าว "คลังถกดีเวลอปเปอร์เคาะบ้านคนจน20มกราฯ" (ประชาชาติธุรกิจ 22 มกราคม 2559) ความว่ากรมธนารักษ์เปิดเผยแผนเบื้องต้นสำหรับดำเนินโครงการนำร่อง "บ้านประชารัฐ" ว่าได้เล็งนำร่องปี 2559 นี้ 5 แปลง รวม 3,000 ยูนิตทำเลในกรุงเทพมหานคร ชะอำ และเชียงใหม่ โดยตั้งราคาขายห้องชุดไม่เกิน 700,000 บาท ส่วนทาวน์เฮาส์ไม่เกิน 900,000 บาท ทั้งนี้ในกรุงเทพมหานครจะสร้างอาคารชุด ส่วนชะอำ 30 ไร่ จะสร้างเป็นทาวเฮาส์ เชียงใหม่ (พื้นที่ 9 ไร่ สร้างได้ทั้งอาคารชุดและทาวน์เฮ้าส์)
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) ให้ความเห็นว่าโครงการนี้ไม่น่าประสบความสำเร็จ รัฐบาลน่าจะไปทำอย่างอื่นเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจให้ดีกว่านี้
1. ในปี 2559 นี้รัฐบาลจะสร้างในโครงการนำร่องเพียง 3,000 หน่วยหรือเท่ากับ 1.5% ของอุปทานที่อยู่อาศัยของบริษัทพัฒนาที่ดินในตลาดเปิดทั่วประเทศ ดังนั้นจึงย่อมไม่มีผลใด ๆ ต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ ภาคเอกชนสามารถสร้างที่อยู่อาศัยได้เองอยู่แล้วโดยรัฐบาลไม่จำเป็นต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยว
2. ในกรณีกรุงเทพมหานคร รัฐบาลคงจะสร้างประมาณ 1,000 หน่วย ๆ ละ 700,000 บาท สำหรับขนาด 22 ตารางเมตร อย่างไรก็ตาม ราคาขายในท้องตลาดคงเป็นเงินหน่วยละ 2.2 ล้านบาท ซึ่งเท่ากับขาดทุน 1,500 ล้านบาท เพื่อคน (อ้างว่า) จน เพียง 1,000 รายที่โชคดี นับเป็นการสร้างความไม่เท่าเทียมกันในหมู่ประชาชนเป็นอย่างยิ่ง หรือทั่วประเทศก็คงสร้างได้เพียง 3,000 หน่วย (ราย) เท่านั้น ยิ่งหากพิจารณาว่าถ้าสร้าง 3,000 หน่วย แล้วขาดทุนเฉลี่ยหน่วยละ 1 ล้านบาท ก็คงเป็นเงินถึง 3,000 ล้านบาท เงินจำนวนนี้สามารถนำไปสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาให้ประชาชนใช้อย่างยั่งยืนได้เลย
3. ที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีชาวบ้านร้องเรียนว่าบ้านแพงเกินไป ไม่สามารถซื้อบ้านได้ในตลาดเปิดทั่วไป หรือไม่มีผู้ร้องเรียนเรื่องค่าเช่าบ้านแพงจนอยู่หรือรับไม่ไหวแต่อย่างใด การที่รัฐบาลยื่นมือเข้ามาจึงไม่ได้เป็นประโยชน์ใด ๆ ต่อส่วนรวม ควรเอาเวลาและทรัพยากรต่าง ๆ ไปทุ่มเทพัฒนาเศรษฐกิจทางด้านอื่นเพื่อประเทศชาติและประชาชน จะคุ้มค่ากว่า
4. การจะคิดสร้างบ้านจำนวนมาก ๆ คงจะได้ประโยชน์แก่ผู้รับเหมา บริษัทวัสดุก่อสร้างต่าง ๆ เช่น บริษัทปูน บริษัทเหล็กมากกว่าจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนทั่วไป
5. ยิ่งการก่อสร้างในต่างจังหวัด โดยเฉพาะชะอำซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยว มีความต้องการที่อยู่อาศัยจำกัดมาก ขืนรัฐบาลไปสร้างเพียงเพราะมีที่ดินก็ย่อมต้องเจ๊งแน่นอน แม้แต่ในเชียงใหม่ ที่ในขณะนี้มีที่อยู่อาศัยเหลืออยู่มาก ก็ยิ่งไม่เหมาะสมไปใหญ่ จากข้อมูลของศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส พบว่าในปี 2557 มีการเปิดตัวโครงการใหม่คึกคักถึง 50 แห่ง แต่ในปี 2558 กลับมีเปิดตัวใหม่เพียงไม่ถึง 10 โครงการ อุปสงค์ลดลงขนาดนี้ ขืนไปสร้างตามใจ ก็คงเจ๊งแน่นอน
6. ในอีกด้านหนึ่งทีมงานเศรษฐกิจของรัฐบาลที่นำโดย ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ คงหวังจะสร้างผลงาน เพื่อจะได้ไม่ถูกปลดออกไปเช่นรองนายกฯ ท่านก่อน แต่การสร้างผลงานบนพื้นฐานที่ไม่เป็นจริง ไม่จำเป็น แม้จะสร้างได้เป็นรูปธรรม ก็เป็นผลงานที่ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน และเปลืองทรัพยากรชาติเพียงเพื่อกิจกรรมกระตุ้นเศรษฐกิจแบบ "ผักชีโรยหน้า" เท่านั้น
รัฐบาลประยุทธ์ จึงไม่ควรสร้างบ้านคนจน หรือบ้านประชารัฐนี้ เพราะไม่อาจช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจใด ๆ ได้ สร้างความเหลื่อมล้ำแก่ประชาชน ช่วยผู้รับเหมา บริษัทเหล็ก บริษัทปูน มากกว่าจะช่วยประชาชนทั่วไป และอาจเจ๊งเพราะไม่ได้สร้างตามความต้องการของตลาด ของประชาชน แต่สร้างเพราะมีที่ดินในมือ!?!
อ้างอิง: AREA แถลง ฉบับที่ 30/2559: วันศุกร์ที่ 22 มกราคม 2559
ผู้แถลง:
ดร.โสภณ พรโชคชัย (sopon@area.co.th) ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส หรือ AREA (www.area.co.th): ซึ่งเป็นองค์กรที่มีฐานข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ภาคสนามขนาดใหญ่ที่สุดและปรับปรุงให้ทันสมัยที่สุดในประเทศไทย และดำเนินการเก็บข้อมูลต่อเนื่องมาตั้งแต่ พ.ศ.2537 เป็นศูนย์ข้อมูลที่มีความเป็นกลางทางวิชาการ และเป็นอิสระทางวิชาชีพ โดยไม่ถูกครอบงำโดยผู้มีส่วนได้ส่วนเสียใด ๆ สมาชิกของศูนย์ข้อมูลฯ ได้รับข้อมูลที่เป็น First-hand information ในเวลาเดียวกัน