(ต่อ1) บริษัท รับจ้างหลอน (ไม่) จำกัด กำหนดฉาย 7 ธันวาคม 2544

ข่าวทั่วไป Thursday October 11, 2001 11:41 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--11 ต.ค.--บัวนา วิสต้า อินเตอร์เนชั่นแนล
โปรแกรมซีมูเลเตอร์อีกโปรแกรมหนึ่งถูกนำมาใช้เพื่อสร้างการสะบัดไหวของเสื้อยืดที่บูใส่ เมื่อทางแอนิเมเตอร์สร้างการเคลื่อนไหวเรือนร่างของบูจนเสร็จแล้ว โปรแกรมดังกล่าวจะคำนวณการเคลื่อนไหว และสร้างการสะบัดไหวของเสื้อผ้าให้เข้ากับการเคลื่อนไหวของตัวละครโดยอัตโนมัติ ซึ่งนับว่าเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญของสื่อชนิดนี้ นอกจากนี้ โปรแกรมดังกล่าวยังถือเป็นการปลดปล่อยให้แอนิเมเตอร์หลุดพ้นจากความกังวลในงานสร้างเสื้อผ้าของตัวละคร และหันไปทุ่มเทให้กับการแสดงของตัวละครได้ การสร้างโปรแกรมนี้ถือเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญของพิกซาร์ที่ได้ทดลองผลิตโปรแกรมสร้างเสื้อผ้าในแอนิเมชั่นสั้นเรื่อง Geri's Game มาแล้ว (แอนิเมชั่นสั้นเรื่องนี้ได้รับรางวัลออสการ์แอนิเมชั่นสั้นยอดเยี่ยมในปี 1998 และได้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์พร้อมกับแอนิเมชั่นเรื่อง A Bug's Life)
ที่เข้ามาช่วยสร้างเทคโนโลยีด้านคอมพิวเตอร์ แอนิเมชั่นให้กับพิกซาร์ ก็คือ ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิค กับภาพยนตร์เรื่อง Monsters, Inc. นี้ ทอม พอร์เตอร์ ผู้เคยคว้ารางวัลออสการ์มาแล้วสองครั้ง ทำหน้าที่เป็นซูเปอร์ไวซิ่ง เทคนิคัล ไดเร็กเตอร์ โดยมีหน้าที่ดูแลการทำโมเดล การสร้างเงา การจัดแสง และการแสดง ภายใต้การดูแลของพอร์เตอร์ ก็คือ องค์กรใหม่ที่ชื่อ ชอตส์ ดีพาร์ตเม้นต์ โดยทีมงานแผนกนี้จะมอบหมายหน้าที่สร้างภาพ 1,500 ชอตให้กับผู้ดูแลฉากแต่ละฉาก และเทคนิคัลไดเร็กเตอร์ ซึ่งจะคอยติดตามดูแลแต่ละชอตตลอดทุกขั้นตอนในงานสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ กาลิน ซัสแมน ทำหน้าที่ดูแลแผนกชอตนี้อีกที
เอเบน ออสต์บี้ คือซูเปอร์ไวเซอร์ที่ทำหน้าที่ดูแลแผนกโมเดล โดยในแผนกนี้ จะมีการปั้นดินออกมาเป็นใบหน้าต่างๆ ก่อนจะนำไปสู่การสร้างภาพตัวละครหลักๆ ในคอมพิวเตอร์ ในขณะที่สัตว์ประหลาดหน้าตาประหลาดอีกเกือบๆ 50 ตัวจะถูกสร้างขึ้นในคอมพิวเตอร์จากการประกอบส่วนต่างๆ ของร่างกายเข้าด้วยกัน หลังจากได้เรียนรู้จากประสบการณ์งานสร้างภาพยนตร์เรื่อง Toy Story ทั้งสองภาค และ A Bug's Life นักทำโมเดลได้ใช้โปรแกรมที่เรียกกันว่า "เจพเพ็ตโต้" (Geppetto) เพื่อให้แอนิเมเตอร์สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวปลีกย่อยได้มากขึ้น ในเรื่องของความซับซ้อน ออสต์บี้คาดการณ์ว่าตัวละครอย่างซัลลี่, ไมค์ และบู น่าจะมีความซับซ้อนกว่าบัซกับวู้ดี้ และน่าจะมีการควบคุมได้สูงกว่าตัวละครที่เป็นคนอย่าง อัล (จาก Al's Toy Barn) จาก Toy Story 2 ถึง 30-40 เปอร์เซ็นต์
ที่เข้ามาช่วยสร้างภาพที่มีสไตล์ให้กับ Monsters, Inc. ก็คือ โปรดักชั่น ดีไซเนอร์ ฮาร์ลีย์ เจสซัพ และบ็อบ พอลลีย์ ในขั้นตอนการออกแบบระยะแรกให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้ ก็รวมถึงการเดินทางไปยังเมืองอุตสาหกรรมและโรงงานใกล้ๆ หลายแห่ง เพื่อทำการค้นคว้าด้วย ด้วยคำแนะนำจากด็อคเตอร์ พวกเขาเริ่มต้นสร้างภาพและความเป็นเหตุเป็นผลให้กับเมืองมอนสโทรโพลิส นั่นหมายถึงการสร้างงานภายในโรงงาน Monster, Inc. ตั้งแต่ชั้นแห่งความน่ากลัว ไปจนถึงท่อที่นำไปสู่ประตู (ซึ่งก็รวมถึงประตูตู้เสื้อผ้ากว่า 5.7 ล้านประตูที่เหล่าสัตว์ประหลาดจะเดินทางผ่านสายพานทางเดินนับร้อยๆ เส้น) ตัวโรงงานเองจะให้ความรู้สึกแบบยุค 60 โดยทีมงานจงใจสร้างมันให้ออกมาดูเชยๆ ทีมงานต้องออกแบบฉากขึ้นมากว่า 22 ฉากตั้งแต่ห้องนอนของบู ไปจนถึงร้านซูชิ ร้านแฮร์รี่ฮาวเซ่น และบ้านของเยติที่อยู่ห่างไกล
ผู้กำกับศิลป์ เทีย แคร็ตเตอร์ และโดมินิค หลุยส์ใช้ความสามารถของพวกเขาในการสร้างโทนสี การจัดแสง และการสร้างเงาให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้ แคร็ตเตอร์ ซึ่งเป็นมือวาดภาพแบ็คกราวน์ที่ผ่านการฝึกฝนมานาน ทำงานควบคู่ไปกับทีมนักวาดภาพด้วยคอมพิวเตอร์เพื่อกำหนดโทนสีและรายละเอียดของภาพ การค้นคว้าของเธอนั้นก็รวมไปถึงการศึกษาลักษณะขนของตัวลามา ตัวจามรี แพะและแกะ รวมไปถึงการเดินทางไปที่โรงเก็บขยะเพื่อวิเคราะห์โลหะแบบต่างๆ ที่จะนำมาใช้ในฉากโรงงาน เธอยังช่วยกำหนดสีของตัวละคร (ตัวอย่างเช่น เธอเป็นคนตัดสินใจที่จะเปลี่ยนสีตัวของไมค์จากสีส้มให้เป็นสีเขียวมะนาว) ทางด้านหลุยส์จะเป็นคนกำหนดสภาพแวดล้อมและแสงให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยการสร้างภาพวาดที่ใช้สีพาสเทลเพื่อสร้างอารมณ์ให้กับภาพยนตร์ จากภาพวาดเหล่านี้ หลุยส์สามารถจะสื่อสารอารมณ์ของเขาออกมาผ่านทางการใช้สี จากนั้น ภาพสีเหล่านั้นจะถูกส่งต่อไปให้แผนกจัดแสง ซึ่งจะใช้ภาพเหล่านี้เป็นแม่แบบในการสร้างชอตสุดท้าย
ทีมผู้กำกับศิลป์ยังต้องประสานงานอย่างใกล้ชิดกับฌอน-คล็อด คาลาชี่ ผู้ดูแลการจัดแสง และริค เซย์รี่ ผู้ดูแลการจัดเงา เพื่อให้ได้ภาพและสภาพแวดล้อมที่ทีมงานสรางสรรค์จะนำไปใช้ เซย์รี่และทีมจัดเงาของภาพได้สร้างเชดเงาเป็นพันๆ เชดเพื่อให้โลกของเหล่าสัตว์ประหลาดมีสไตล์และมีความละเอียด
สมาชิกคนสำคัญอีกคนหนึ่งของทีมสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ ก็คือ ผู้ดูแลการวางเลย์เอ้าต์ อีวาน จอห์นสัน ผู้สืบสานความพยายามพัฒนาความก้าวหน้าให้กับพิกซาร์ เพื่อให้สามารถครอบคลุมตามข้อเรียกร้องที่ทางผู้กำกับต้องการให้มีในแต่ละฉาก โซฟี วินเซเลตต์ทำหน้าที่ดูแลแผนกการตกแต่งฉาก ซึ่งเป็นแผนกที่มีการจัดตั้งขึ้นใหม่เพื่อให้ดูแลรับผิดชอบในการสร้างสิ่งของจากคอมพิวเตอร์ รวมไปถึงอุปกรณ์ประกอบฉาก คอรี่ เร ทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการสร้างประสานงานให้กับ Monsters, Inc. จิม สจ๊วร์ตทำหน้าที่เป็นผู้ลำดับภาพ
ทีมงานเก่าแก่ของพิกซาร์อย่าง เกลนน์ แม็คควีน และริช เคว็ด มารับหน้าที่เป็นซูเปอร์ไวเซอร์ เมื่อไม่นานมานี้ แม็คควีนก็คือผู้ทำหน้าที่เป็นซูเปอร์ไวซิ่ง แอนิเมเตอร์ให้กับภาพยนตร์เรื่อง Toy Story 2 ในขณะที่เคว็ดทำหน้าที่เป็นซูเปอร์ไวซิ่ง แอนิเมเตอร์ให้กับทั้ง A Bug's Life และ Toy Story ภาคแรก ทีมงานที่ประกอบไปด้วยแอนิเมเตอร์กว่า 35 ชีวิตที่ทำงานให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้ ก็รวมถึงบรรดาผู้รับผิดชอบวาดตัวแอนิเมชั่นตัวหลักๆ อย่าง แอนดรูว์ กอร์ดอน (ผู้ดูแลงานวาดแอนิเมชั่น ไมค์ วาโซว์สกี้), จอห์น คาห์รส์ (ซัลลีย์) และเดฟ เดอแวน (บู)
ตัวแอนิเมชั่นหลายตัวมีความซับซ้อนในการวาดแตกต่างกันไป ตั้งแต่เจ้ากิ้งก่าแปดขาที่ชื่อว่า แรนดัลล์ ไปจนถึงไมค์ วาโซว์สกี้ที่มีตาเดียว แต่เป็นตัวแอนิเมชั่นที่ทางแอนิเมเตอร์พบว่าวาดยากกว่าที่คิดเอาไว้
ไม่มีทางที่ผลงานของพิกซาร์จะสำเร็จลงได้โดยปราศจากดนตรีของ แรนดี้ นิวแมน นักประพันธ์ดนตรีที่ร่วมงานกับพิกซาร์มาตลอด สำหรับ Monsters, Inc. นี้ นิวแมนใช้อิทธิพลของดนตรีแจ๊สยุค 40 เข้ามาเพื่อนำเสนอถึงความสนุกสนานและจิตวิญญาณของภาพยนตร์เรื่องนี้ ดนตรีที่ได้ยินจะใช้เครื่องดนตรีอย่างเบสฮาร์โมนิก้า, แมนโดลิน และแอ็คคอร์เดียน นอกจากนี้ นิวแมนยังแต่งเพลงประกอบเครดิตท้ายเรื่องที่ชื่อว่าเพลง If I Didn't Have You ซึ่งเป็นการร้องคู่ที่แสนสนุกสนานระหว่างซัลลีย์ (กู๊ดแมน) และไมค์ (คริสตัล)
Monsters, Inc. มีความโดดเด่นในแง่ของการเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่ถูกสร้างขึ้นที่โรงงานแห่งใหม่ของพิกซาร์ แอนิเมชั่น สตูดิโอ ในเอเมอรี่วิลล์, แคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นบ้านใหม่ของแอนิเมเตอร์และช่างเทคนิคชั้นแนวหน้าของวงการกว่า 550 ชีวิต นับแต่เดือนพฤศจิกายน ปี 2000 เป็นต้นมา และการเปิดตัวฉายของภาพยนตร์เรื่อง Monsters, Inc. จะตรงกับปีที่พิกซาร์เปิดดำเนินการมาครบ 15 ปีพอดี สตีฟ จ็อบส์ซื้อบริษัทแห่งนี้มาจากลูคัสฟิล์มในปี 1986 และดำเนินการมาในฐานะบริษัทอิสระ
ตัวละครและผู้ให้เสียงพากย์
เจมส์ พี ซัลลิแวน (ซัลลีย์) - คือสัตว์ประหลาดร่างยักษ์ที่สูงถึง 8 ฟุต ขนปุกปุยสีเขียวอมฟ้าที่มีแต้มจุดสีม่วง และมีเขาสองข้าง สัตว์ประหลาดหน้าตาน่ากลัวตัวนี้คือสิ่งสุดท้ายที่พวกเด็กๆ อยากจะพบภายในตู้เสื้อผ้าของพวกเขา ไม่ต้องสงสัยเลยว่าซัลลีย์ก็คือสัตว์ประหลาดที่สร้างเสียงกรีดร้องได้มากที่สุดในโรงงาน Monster, Inc. อย่างไรก็ดี ภายใต้รูปลักษณ์ภายนอกที่ดูน่ากลัว ซัลลีย์ก็คือเจ้าหมีเท็ดดี้แบร์ และการเผชิญหน้าอย่างใกล้ชิดกับเด็กหญิงตัวน้อยที่ชื่อว่า บู ได้เผยให้เห็นถึงความสุภาพอ่อนโยนและบุคลิกที่ดูอบอุ่นภายในตัวซัลลีย์ นักแสดงยอดฝีมืออย่างจอห์น กู๊ดแมน (The Emperor's New Groove, O Brother Where Art Thou?, Raising Arizona) เป็นผู้ให้เสียงพากย์แก่ซัลลีย์ และได้มอบเสน่ห์อันเหลือล้นให้กับยักษ์ใหญ่ใจดีตัวนี้ที่กำลังต้องเผชิญหน้ากับปัญหาหนักอก
ไมค์ วาโซว์สกี้ - เจ้าสัตว์ประหลาดตัวเขียวที่มีปัญญาฉับไวตัวนี้คือชีวิตของกลุ่มสัตว์ประหลาด และมีตาเดียวไว้สำหรับมองสาวๆ (โดยเฉพาะซีเลีย) ถึงแม้ว่าไมค์จะไม่ค่อยได้มองตาประสานตากับเพื่อนร่วมบ้านที่เป็นเพื่อนร่วมงานของเขาด้วย แต่ไมค์ก็ภูมิใจในตัวซัลลีย์ และพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขาเป็นทั้งเพื่อนที่ซื่อสัตย์และใส่ใจเมื่อถึงเวลาที่ซัลลีย์มีปัญหา ตัวละครที่ทั้งตลกและมีสีสันตัวนี้ให้เสียงพากย์ที่สดใสโดยบิลลี่ คริสตัล ผู้มากไปด้วยความสามารถ และเคยฝากผลงานอันน่าประทับใจไว้แล้วทั้งในฐานะนักแสดง ดาราตลก ผู้กำกับ และยังเป็นพิธีกรเวทีออสการ์ที่ทุกคนชื่นชอบอีกด้วย
บู - เด็กหญิงผู้กล้าหาญที่ค้นพบชีวิตอีกด้านหนึ่งของประตูตู้เสื้อผ้า ซึ่งทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้น และไม่กลัวเกรงอะไร บูเพลิดเพลินไปกับการผจญภัยที่เธอมีพร้อมกับซัลลีย์และไมค์ในนครมอนสโทรโพลิส เธอไม่ประสาต่อความวุ่นวายที่เธอเป็นผู้ก่อ และอันตรายที่เธอกำลังเผชิญ แมรี่ กิ๊บบ์ส (ซึ่งปัจจุบันอายุสี่ขวบครึ่ง) ลูกสาวร็อบ กิ๊บบ์ส ศิลปินแผนกพัฒนาเรื่องของพิกซาร์ ประเดิมงานแสดงชิ้นแรกด้วยการให้เสียงพากย์กับตัวละครตัวนี้ และยังเป็นผู้มอบบุคลิกบางส่วนให้กับตัวละครตัวนี้ด้วย
เฮนรี่ เจ วอเตอร์นูส - ในฐานะประธานกรรมการบริหารของ Monster, Inc. ที่มีงานยุ่ง ดูจะกำลังกลุ้มใจกับปัญหาเรื่องการขาดแคลนพลังงาน ผลกำไรที่ตกลง และเด็กมนุษย์คนหนึ่งที่เล็ดรอดเข้ามา ถึงแม้ว่าเฮนรี่จะใจดีกับซัลลี่ ซึ่งเป็นดาราประจำโรงงานของเขา แต่เมื่อถึงคราเข้าตาจน เฮนรี่ก็พร้อมเตรียมตัวที่จะทำสิ่งที่เขาต้องกระทำเพื่อรักษาบริษัทที่เป็นสมบัติตกทอดของตระกูลมาหลายชั่วสัตว์ประหลาดเอาไว้ เจมส์ โคเบิร์น (Affliction, Our Man Flint, The Great Escape) นักแสดงเจ้าของรางวัลออสการ์มาเป็นผู้ให้เสียงพากย์กับสัตว์ประหลาดที่มีรูปร่างหน้าตาคล้ายปู และมีโครงกระดูกเก็บเอาไว้ในตู้เสื้อผ้าตัวนี้
แรนดัลล์ บ็อกก์ส - สัตว์ประหลาดรูปร่างเหมือนกิ้งก่าน่าเกลียดตัวนี้จะไม่ยอมหยุดยั้งที่จะทำให้ตัวเองได้กลายเป็นนักล่าเสียงกรีดร้องมือหนึ่งของ Monster, Inc. ถึงแม้ว่ามันจะหมายถึงการต้องทำลายชื่อเสียงของซัลลีย์ หรือการทำเรื่องขี้โกง (และด้วยมือที่มีมากถึงแปดมือ ก็ทำให้แรนดัลล์ทำเรื่องขี้โกงได้ง่ายอยู่แล้ว) ด้วยความสามารถที่ไม่ต่างจากกิ้งก่าที่สามารถปรับสีตัวให้กลืนเข้ากับสภาพแวดล้อม แรนดัลล์จึงเป็นนักแอบฟังที่เก่ง และเขายังซ่อนกลเม็ดเด็ดไว้ที่แขนเสื้อซึ่งเขาหวังว่าจะทำให้เขาสามารถก้าวขึ้นสู่อันดับหนึ่งได้ สตีฟ บุสเซมี่ นักแสดงผู้เปี่ยมไปด้วยความสามารถ (Ghost World, Fargo, Barton Fink, Reservoir Dogs) มาเป็นผู้สร้างอารมณ์ขันและความเจ้าเล่ห์ให้กับตัวละครที่ลื่นไหลไวเป็นกรดตัวนี้
ซีเลีย - พนักงานต้อนรับสาวที่มีผมเป็นงูรายนี้มีรูปร่างหน้าตาที่มีก็แต่สัตว์ประหลาดด้วยกันเท่านั้นที่จะรักลง แต่เธอมีนิสัยที่ชอบเปลี่ยนผู้ที่มองดูเธอให้กลายเป็นเนยมากกว่าจะเปลี่ยนให้แข็งเป็นก้อนหิน ทั้งหมดที่ซีเลียต้องการก็คือการได้ใช้เวลาอยู่กับหมีน้อยที่แสนน่ารักของเธอ (ไมค์ วาโซว์สกี้) แต่มักต้องมีอะไรผิดพลาดเสมอเมื่อเขาและเธออยู่ด้วยกัน เจนนิเฟอร์ ทิลลี่ (ผู้เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์จากผลงานของวูดี้ อัลเลนเรื่อง Bullets Over Broadway) มาเป็นผู้ให้เสียงพากย์ที่ร่าเริงกับซีเลียที่สุดร่าเริงแต่พูดมาก
รอซ - สาวแก่เจ้าระเบียบ และเป็นพวกชอบทำงานเอกสารเป็นชีวิตจิตใจ ผู้จัดการด้านข่าวสารหน้าตาของ Monster, Inc. นางนี้ เป็นผู้รับผิดชอบในการมอบหมายหน้าที่ให้กับนักสร้างเสียงกรีดร้องประจำบริษัท รอซซึ่งพูดก็ช้า เดินก็ช้า มักมีปัญญาฉับไวในงานที่เธอทำจนน่าประหลาดใจ และผู้ให้เสียงพากย์แก่ตัวละครตัวนี้ก็คือ หัวหน้าแผนกพัฒนาเรื่อง บ็อบ ปีเตอร์สัน
เยติ - จอห์น แร็ตเซนเบอร์เกอร์ ดาราคนโปรดของพิกซาร์ที่เคยให้เสียงพากย์เป็นเจ้าหมูกระปุกออมสินที่ชื่อว่า แฮม ในภาพยนตร์เรื่อง Toy Story ทั้งสองภาค และยังให้เสียงพากย์แก่ พีที เจ้าตัวหมัด ใน A Bug's Life มาให้เสียงพากย์ที่น่าเกลียดน่าชังในบท เยติแห่งเทือกเขาหิมาลัย ผู้แสนโดดเดี่ยว เมื่อไมค์กับซัลลีย์เดินทางไปเยี่ยมเขาถึงโลกมนุษย์ เยติให้การต้อนรับแขกทั้งสองเป็นอย่างดี แต่ดูเหมือนแขกของเขาจะกระวนกระวายที่จะจากไปเพื่อจัดการกับเรื่องอื่นมากกว่า--จบ--
-อน-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ