กรุงเทพฯ--3 พ.ค.--เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส
การใช้โลงสักทองเป็นสิ่งที่พึงเสียดายนี่คือประเด็นสำคัญที่ ดร.โสภณ นำเสนอ ไม่ใช่การไปการไปล่วงเกินดาราแต่อย่างใด
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) ได้พยายามรณรงค์เกี่ยวกับการไม่ใช้โลงไม้สัก แต่ได้รับวิจารณ์จากคุณบุ๋ม ปนัดดา และ ดร.โสภณ ได้ตอบคำวิจารณ์ไปแล้ว (http://bit.ly/1QrwH2Z) และขอสรุปไว้ดังนี้:
1. ไม่ควรเอาสักมาเผา กว่าสักจะมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 60 ซ.ม. ใช้เวลาเป็นร้อยปี ปลูกเองไม่ทันใช้ อายุ 30 ปียังมีเส้นผ่าศูนย์กลางไม่ถึง 30 ซ.ม. อุปสงค์แบบนี้ทำให้เกิดห่วงโซ่การตัดไม้ทำลายป่า
2. การเสนอไม่ให้ใช้สักเผาศพ ก็ใช่ว่าจะต้องสุดโต่งไปอีกทางหนึ่ง ไม่ฟุ่มเฟือย ใช่ต้องอัตคัด เดินสายกลาง ควรเอาสักมาใช้ประโยชน์ แม้แต่น้ำไฟ เราก็ยังไม่ควรเปิดทิ้งให้สูญเปล่านั่นเอง
3. การแสดงความรักที่มีต่อคุณปอ เราสามารถแสดงออกในทางอื่นที่มีประโยชน์สร้างสรรค์ครับ อภิมหาเศรษฐกิจใหญ่ๆ ก็ยังไม่รับเกียรติแบบนี้ คนตายท่านก็ไม่รับรู้ด้วยแล้วครับ
4. ดร.โสภณ ไม่ได้ตำหนิคนตาย และก็นิยมคุณปอ ไม่ได้ไปขัดคนจะเผา เผาเสร็จ จึงบอกให้เห็นว่าในอนาคตเราไม่ควรทำแบบนี้ เพื่อตัดห่วงโซ่การตัดไม้ทำลายป่าที่หนักข้อขึ้นทุกวัน เราควรยืนหยัดหลักการพอเพียงที่ไม่สุดโต่งไปทางฟุ่มเฟือยหรืออัตคัด อยากใช้โลงไม้ก็ใช้ไม้โตเร็ว ในอนาคตเราควรปรับทัศนคติในการเผาศพเท่านั้น
ประเด็นการตัดไม้ทำลายป่าเป็นประเด็นสำคัญยิ่ง ตัวเลขจากกองนโยบายและแผนพัฒนาการเกษตร สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรได้คาดคะเนไว้ว่าในปี 2548 เพิ่มขึ้นถึง 281,000 ลบ.ม. ในขณะที่สถิติจากสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรระบุไว้ว่าปริมาณไม้สักที่ทำออกจากป่ามีน้อยเพียงราว 8% ของความต้องการ (http://bit.ly/1KPQjcy) ในขณะเดียวกัน "สุริยาหีบศพ" ก็ระบุว่า ". . . แพงสุดระดับหลักล้านบาท ซึ่งทำจากไม้สักทองนำเข้าจากประเทศลาว หรือพม่า ราคาต้นละ 6-7 แสนบาท ก่อนผ่านกระบวนการผลิตที่ประณีต พิถีพิถัน ของช่างมืออาชีพ (http://bit.ly/1KjAi3H)
ยิ่งกว่านั้นในสังคมทุกวันนี้ยังมีค่านิยมความฟุ่มเฟือยในการจัดงานศพ ซึ่งก่อให้เกิดผลเสียต่าง ๆ เช่น หนี้สิน หนี้เสียจากการ "เห็นช้างขี้ ๆ ตามช้าง" จนกลายเป็นปัญหาสังคมที่เราควรแก้ไข (http://bit.ly/1NJMWE2) นับเป็นเรื่องที่แทบจะเหลือเชื่อว่าทุกวันนี้การจัดงานศพ 7 วันในไทยยังแพงกว่าสิงคโปร์ โดยค่าใช้จ่ายเป็นเวลา 7 วันของสิงคโปร์ตกเป็นเงิน 214,704 บาท ขณะที่วัดขนาดกลางในกรุงเทพมหานครอาจใช้เงิน 145,379 บาท และ 219,901บาทในกรณีวัดขนาดใหญ่ ยิ่งหากคิดว่าค่าครองชีพสิงคโปร์แพงกว่าไทย 3 เท่าตัว ค่างานศพของสิงคโปร์กลับยิ่งถูกลงเสียอีก
ดร.โสภณ เสนอให้ใช้โลงกระดาษ ที่ "สุริยาหีบศพ" เคยนำมาขายแต่ไม่ได้รับความนิยม แต่ ดร.โสภณ เชื่อว่าหากมีการรณรงค์การใช้ที่มีราคาถูกลงและให้มีการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ดีกว่านี้ ก็จะช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อมได้เป็นอย่างดี ในความเป็นจริงประเทศที่เจริญทั่วโลกใช้หีบกระดาษมากขึ้น และยังควรมีระบบการเผาที่ไม่สร้างคาร์บอนไดออกไซด์ โดยเป็นเตาเผาไฟฟ้าที่ดักจับก๊าซให้มากขึ้นกว่าแต่เดิม
การทำดีเพื่อผู้เสียชีวิต โดยการประกอบการกุศล อุทิศให้แก่ผู้เสียชีวิตดีกว่าการสร้างโลงใหญ่โต แม้จะเป็นสิทธิส่วนบุคคล แต่เราก็ไม่ควรเลียนแบบ
อ้างอิง:AREA แถลง ฉบับที่ 41/2559: วันจันทร์ที่ 01 กุมภาพันธ์ 2559
ผู้แถลง:
ดร.โสภณ พรโชคชัย (sopon@area.co.th) ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส หรือ AREA (www.area.co.th): ซึ่งเป็นองค์กรที่มีฐานข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ภาคสนามขนาดใหญ่ที่สุดและปรับปรุงให้ทันสมัยที่สุดในประเทศไทย และดำเนินการเก็บข้อมูลต่อเนื่องมาตั้งแต่ พ.ศ.2537 เป็นศูนย์ข้อมูลที่มีความเป็นกลางทางวิชาการ และเป็นอิสระทางวิชาชีพ โดยไม่ถูกครอบงำโดยผู้มีส่วนได้ส่วนเสียใด ๆ สมาชิกของศูนย์ข้อมูลฯ ได้รับข้อมูลที่เป็น First-hand information ในเวลาเดียวกัน