กรุงเทพฯ--11 ก.ย.--มาสเตอร์การ์ด อินเตอร์เนชั่นแนล
มาสเตอร์การ์ด อินเตอร์เนชั่นแนล ร่วมกับ บริษัท คีย์คอร์ป จำกัด และบริษัท อินฟินีออน เทคโนโลยีส์ (ก่อนหน้านี้คือ ซีเมนส์ เซมิคอนดักเตอร์ส กรุ๊ป) เปิดตัวชิปมัลทอส 16K ตัวแรกของโลก ซึ่งใช้กับตัวควบคุมระบบการเข้าและถอดรหัส (Cryptocontroller) SLE66CX160S ของอินฟินีออน
มัลทอส (MULTOS) เป็นระบบปฏิบัติการมาตรฐานอุตสาหกรรมสำหรับสมาร์ทการ์ด ซึ่งเป็นระบบเปิดสามารถใช้ได้กับแอพลิเคชั่นหลากหลาย (Multi application)
ชิป 16K เป็นชิปที่มีขีดความปลอดภัยในระดับสูง มีความสามารถในการประมวลผลได้เป็นจำนวนมากกว่า และรวดเร็วกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับชิปชนิดอื่นๆ ที่มีอยู่ในตลาดขณะนี้ ขีดความสามารถดังกล่าวของหน่วยความจำทำให้แอพลิเคชั่นชนิดต่างๆ สามารถใช้งานได้บนชิปการ์ดเพียงชิ้นเดียว ยิ่งไปกว่านั้น แพลตฟอร์ม 16K ยังทำให้สามารถใช้แอพลิเคชั่นที่มีความปลอดภัยสูงในการทำธุรกรรมได้หลากหลายประเภท อาทิ การเงินการธนาคาร การสื่อสารเคลื่อนที่ และการดูแลรักษาสุขภาพ ซึ่งทำให้เทคโนโลยีสำหรับสมาร์ทการ์ดก้าวขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง
"การเปิดตัวดังกล่าว ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับ MULTOS ในฐานะที่เป็นแพลตฟอร์มสำหรับสมาร์ทการ์ดและเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า แพลตฟอร์มดังกล่าวจะได้รับการสนับสนุนจากผู้ที่อยู่ในอุตสาหกรรมสมาร์ทการ์ดต่อไป และเรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นหุ้นส่วนธุรกิจกับคีย์คอร์ปและอินฟินีออน เทคโนโลยีส์ สองบริษัทยักษ์ใหญ่ในการเปิดตัวชิปในครั้งนี้" เกรก เดฟลิน รองประธานอาวุโส ฝ่ายเทคโนโลยีและบิสซิเนส อินทีเกรชั่น มาสเตอร์การ์ด อินเตอร์เนชั่นแนล ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าว
"การประกาศเปิดตัวชิปมัลทอส 16K ใหม่นี้เป็นแรงกระตุ้นอันใหม่ให้กับธุรกิจสมาร์ทการ์ด ในฐานะที่เป็นเครื่องมือสำหรับธนาคารต่างๆ เช่นเดียวกันกับเรา ความสามารถในการตอบสนองการดำเนินการต่างๆ ในการใช้ชีวิตประจำวันที่มีอยู่บนบัตรมัลติแอพพลิเคชั่น จะเป็นกุญแจในการพัฒนาบัตรชนิดต่างๆ ของธนาคารในอนาคต" เกล เคลลี่ ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายกลยุทธ์การตลาด ธนาคารคอมมอนเวลท์แห่งออสเตรเลีย และประธานของออสเตรเลียน มอนเด็กซ์ แฟรนสไชส์ คอนซอเตียม (Mondex Franchise Consortium) ซึ่งเกิดจากการรวมตัวของธนาคารขนาดใหญ่ที่สุด 4 แห่งของออสเตรเลีย กล่าว
พัฒนาการล่าสุดเกี่ยวกับกลยุทธ์ของมาสเตอร์การ์ด เพื่อก้าวสู่ความเป็นผู้นำสมาร์ทการ์ดทั่วทั้งภูมิภาคมีดังนี้
* เดือนเมษายน 2542 มาสเตอร์การ์ดได้รับเลือกจากคอเรียน คอนเวนชั่น แอนด์ เอ็กซิบิชั่น เซ็นเตอร์ (Korean Convention and Exhibition Center) ให้เป็นผู้ให้บริการโซลูชั่นสำหรับการชำระเงิน และขณะนี้ มาสเตอร์การ์ด ประเทศเกาหลี กำลังวางแผนในการดำเนินการชิปการ์ด แบบมัลติแอพพลิเคชั่นสำหรับมหาวิทยาลัยฮั่งหยวนอีกด้วย
* ในเดือนพฤศจิกายน 2541 สถาบันทางการเงินและรัฐบาลญี่ปุ่นเลือกมัลทอส เป็นระบบปฏิบัติการสำหรับโครงการชิปการ์ด ของกระทรวงไปรษณีย์และการสื่อสารของประเทศญี่ปุ่น
* ในเดือนมิถุนายน 2541 มาสเตอร์การ์ด อินเตอร์เนชั่นแนลและบริษัท มายคอล การ์ดส์ (MYCAL Cards) ซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่งของ MYCAL บริษัทค้าปลีกที่ใหญ่เป็นอันดับสี่ในญี่ปุ่น ประกาศเปลี่ยนแปลงบัตรเครดิตแบบเดิมๆ ไปสู่บัตรชิปการ์ดที่ฝังชิปมัลติแอพลิเคชั่น ซึ่งใช้ระบบปฏิบัติการมัลทอสเป็นใบแรกของโลก
* ในเดือนมกราคม มัลทอส บริษัท คีย์คอร์ป และบริษัท อินฟินีออน เทคโนโลยีส์ (ซึ่งในขณะนั้นยังเป็น ซีเมนส์ เซมิคอนดักเตอร์ส) ประกาศร่วมมือกันพัฒนาระบบปฏิบัติการสมาร์ทการ์ดแบบเปิดหลาย แอพพลิเคชั่นเพื่อให้เป็นมาตรฐาน โดยระบบปฏิบัติการดังกล่าวได้รวมเอาบัตรสมาร์ทการ์ดของคีย์คอร์ป ซึ่งใช้ระบบปฏิบัติการมัลทอส 4.02 ที่ได้ปรับปรุงให้ใช้กับตัวควบคุมการเข้าและถอดรหัส (Cryptocontroller) SLE66CX160S
มัลทอส (MULTOS) เป็นลิขสิทธ์และบริหารงานโดย MAOSCO ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ผลิตชิปการ์ดและบริษัทสมาร์ทการ์ดชั้นนำ 9 แห่ง
ข้อมูลมาสเตอร์การ์ด
มาสเตอร์การ์ด อินเตอร์เนชั่นแนล มีผลิตภัณฑ์สำหรับการชำระเงินในรูปแบบต่างๆ มากที่สุดในโลก มาสเตอร์การ์ดคือผู้นำในด้านคุณภาพและเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมการชำระเงิน เนื่องจากมีสถาบันการเงินสมาชิกกว่า 23,000 แห่งที่คอยให้บริการการชำระเงินแก่ผู้ถือบัตรใน 220 ประเทศ ปัจจุบัน มีผู้ถือบัตรเครดิต MasterCard(r) บัตรเดบิต Maestro(r) ระบบเอทีเอ็ม Cirrus(r) และบัตรเงินสดอิเล็กทรอนิกส์ Mondex(tm) จำนวนประมาณ 700 ล้านใบ ซึ่งเป็นที่ยอมรับจากสถานที่ต่างๆ กว่า 16.2 ล้านแห่งทั่วโลก ซึ่งไม่มีบัตรชนิดใดที่ได้รับการยอมรับจากสถานที่หรือจากร้านค้าต่างๆ มากเท่าบัตรของมาสเตอร์การ์ด ในปี 2541 มีการใช้จ่ายผ่านบัตรชนิดต่างๆ ของมาสเตอร์การ์ด คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 650,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ผู้สนใจสามารถดูข้อมูลของมาสเตอร์การ์ดได้ที่ http://www.mastercard.com
ข้อมูล MAOSCO
MAOSCO เป็นกลุ่มความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมเทคโนโลยีบัตรอิเล็กทรอนิกส์ ก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2540 เพื่อผลักดันให้เทคโนโลยี MULTOS เป็นมาตรฐานอุตสาหกรรมและเป็นรูปแบบของการพัฒนาบัตรอิเล็กทรอนิกส์ต่อไป สมาชิกของกลุ่มความร่วมมือนี้ประกอบด้วย บริษัทอเมริกัน เอ็กซ์เพรส บริษัท ดิสคัฟเวอร์ ไฟแนนเชียล เซอร์วิส บริษัท ดีเอ็นพี บริษัท ยูโรเพย์ อินเตอร์เนชั่นแนล บริษัท ฟูจิซึ (รวมถึงไอซีแอลและอัมดาห์ล ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ) บริษัท Giesecke and Devrient บริษัท ฮิตาชิ บริษัท คีย์ คอร์ป บริษัท มาสเตอร์การ์ด อินเตอร์เนชั่นแนล และ มอนเด็กซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล บริษัท โมโตโรลาและอินฟินีออน เทคโนโลยีส์ (ก่อนหน้านี้คือ ซีเมนส์ เซมิคอนดักเตอร์ส กรุ๊ป)
ข้อมูลคีย์คอร์ป (Key Corp)
บริษัท คีย์คอร์ป ออกแบบ ผลิต และทำตลาดเกี่ยวกับโซลูชั่นของการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์อย่างครบวงจร ดำเนินการสมาร์ทการ์ด การค้าทางอินเตอร์เน็ต และระบบธุรกรรม ณ จุดบริการ
คีย์คอร์ป เป็นหนึ่งในสมาชิกผู้ก่อตั้งกลุ่มความร่วมมือ MULTOS ซึ่งรับผิดชอบในการพัฒนา MULTOS ให้เป็นระบบปฏิบัติการชนิดหลายแอพพลิเคชั่นสำหรับสมาร์ทการ์ด และได้จดทะเบียนระบบปฏิบัติการดังกล่าวในชื่อ OSSCA คีย์คอร์ป ผลิตสมาร์ทการ์ดเพื่อเป็นซิมการ์ดสำหรับระบบ GSM ผ่านบริษัทในเครือที่ชื่อ การ์ดคอร์ป (Cardcorp)
เครื่องชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ของคีย์คอร์ป เป็นเครื่องที่สามารถรองรับการทำธุรกรรมสำหรับบัตรเครดิต บัตรชาร์จ บัตรเดบิต และบัตรที่บรรจุมูลค่าเงินไว้ล่วงหน้าทั้งในขณะออนไลน์หรือออฟไลน์ โดยเครื่องดังกล่าวได้รับการออกแบบเพื่อให้ใช้ ณ จุดขายสินค้าปลีก ผ่านโทรศัพท์ ในขณะเคลื่อนที่ หรือผ่านอินเตอร์เน็ต และยังสามารถสื่อสารผ่านระบบการสื่อสารที่ติดตั้งถาวรและเคลื่อนย้ายได้ http://www.kecorp.net
ข้อมูลอินฟินีออน เทคโนโลยีส์
อินฟินีออน เทคโนโลยีส์ เอจี (ก่อนหน้านี้คือ ซีเมนส์ เซมิคอนดักเตอร์ กรุ๊ป) มีสำนักงานในกรุงมิวนิค ประเทศเยอรมัน และเป็นผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 10 ของโลก ตามการจัดอันดับของ Cahners In-Stat. Group อินฟินีออนผลิตโซลูชั่นส์เซมิคอนดักเตอร์สำหรับการสื่อสาร รถยนต์ เครือข่ายข้อมูล เครื่องใช้ไฟฟ้า และอุปกรณ์เครื่องมือสำหรับตลาดอุตสาหกรรม ผลิตภัณฑ์ของบริษัทได้แก่ แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ในระบบอินทีเกรดเต็ด ชิ้นส่วนความจำและความถี่สูง แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์สำหรับบัตรสมาร์ทการ์ด เซมิคอนดักเตอร์ส และแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์พลังงานสูง ชิ้นส่วนไฟเบอร์ออพติกและตัวเซ็นเซอร์ ในปี 1997 บริษัทฯ มียอดขายทั้งสิ้น 3,800 ล้านเหรียญสหรัฐ (6,700 ล้านดอยช์ทมาร์ค) มีพนักงานทั้งสิ้น 25,000 คนทั่วโลก http://www.infineon.com-- จบ--
-สส-