กรุงเทพฯ--4 พ.ค.--กลุ่มประชาสัมพันธ์ กระทรวงวัฒนธรรม
นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว.วธ.) กล่าวภายหลังการประชุมพิจารณาการให้ความช่วยเหลือบูรณปฏิสังขรณ์โบราณสถานในประเทศเนปาล ซึ่งที่ประสบเหตุแผ่นดินไหวเมื่อปี 2558 ว่า ได้รับรายงานจากกรมศิลปากร หลังจากส่งคณะผู้เชี่ยวชาญเดินทางไปสำรวจความเสียหายของโบราณสถานและสิ่งก่อสร้างเพื่อวางแผนการให้ความช่ช่วยเหลือบูรณปฏิสังขรณ์โบราณสถานในประเทศเนปาลที่ประสบแผ่นดินไหวเมื่อปี 2558 ทั้งนี้ผู้เชี่ยวชาญจากกรมศิลปากร รายงานข้อมูลว่า ทางกรมโบราณคดีประเทศเนปาลได้สำรวจโบราณสถานได้รับความเสียหายทั้งหมด 745 แห่ง มีโบราณสถานที่พังทลายจนสิ้นสภาพ 133 แห่ง พังทลายบางส่วน 97 แห่งและได้รับความเสียหายบางส่วน 515 แห่ง ซึ่งในจำนวนดังกล่าวมีแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมที่เป็นมรดกโลกหลายแห่งจากการสำรวจของผู้เชี่ยวชาญกรมศิลปากรพบว่าแหล่งโบราณสถานของเนปาล ส่วนใหญ่เป็นงานฝีมือบนชิ้นงานสำริด งานแกะสลักไม้ งานประดับตกแต่งด้วยอิฐและดินเผา และได้มีการตรวจสอบทางวิศวกรรม ค้ำยันเสริมความมั่นคง เคลื่อนย้ายและจัดเก็บโบราณวัตถุ ชิ้นส่วนมีค่าและขนย้ายเศษซากปรักหักพังออกจากพื้นที่โบราณสถานส่วนใหญ่แล้ว
นายวีระ กล่าวต่อว่า คณะผู้เชี่ยวชาญจากกรมศิลปาก ได้ลงพื้นที่สำรวจใน 4 เมือง คือกรุงกาฐมัณฑุ เมืองปัคตาปูร์ เมืองลลิตปูร์ และเมืองกีรติปูร์ เบื้องต้นได้มีการเข้าตรวจสอบประเมินความเป็นไปได้ในการให้ความช่วยเหลือด้านการบูรณะยังแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมที่ได้รับความเสียหายจากเหตุแผ่นดินไหว จำนวน 6 แห่ง ได้แก่ 1.สวยมภู 2 แห่ง คือ สันติวิหาร และอนันทปุระ 2.เมือง Patan - Lalitrapur 3 แห่ง คือ มหาพุทธะ วัดเงิน และวัดทอง และ 3.เมือง Kirtipur 1 แห่งคือ สถูปจรัญโช โดยได้ศึกษาลักษณะรูปแบบของขอบเขตความเสียหายขั้นต้นของโบราณสถาน เปรียบเทียบรูปแบบสถาปัตยกรรม วัสดุและเทคนิคการก่อสร้าง เพื่อกำหนดแนวทางขั้นต้นในการฟื้นฟูสภาพและรับฟังสภาพการณ์ทั่วไปของปัญหา อุปสรรคและรายละเอียดการขอรับการสนับสนุนจากคณะกรรมการอนุรักษ์ศาสนสถานแห่งต่างๆ ที่ได้รับความเสียหาย รวมถึงประชุมคณะผู้แทนไทยเพื่อวิเคราะห์สรุปแนวทางในการ ให้ความช่วยเหลือ เสนอต่อที่ประชุมซึ่งสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี จะจัดขึ้นช่วงต้นเดือนพฤษภาคมนี้
นายวีระ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ที่ประชุมมีมติให้กรมศิลปากร กลับไปจัดทำแผนการบูรณะและงบประมาณที่ใช้อย่างละเอียดซึ่งเบื้องต้นคาดว่าทั้ง 6 แห่งใช้งบประมาณราวๆ 60 ล้านบาท นอกจากนี้มอบหมายให้มีการสำรวจแหล่งโบราณสถานที่จะเสนอแผนขอบูรณะเพิ่มจาก 6 แห่งด้วยเนื่องจากมีแหล่งโบราณสถานเสียหายเป็นจำนวนมาก การดำเนินการเสนอให้บูรณะโบราณสถานทั้ง 6 แห่งข้างต้น เนื่องจากเป็นศาสนสถานที่มีความสำคัญในพระพุทธศาสนา เนปาลเป็นสถานที่กำเหนิดของพระพุทธศาสนาและที่ผ่านมา รัฐบาลและคนไทย ร่วมกันช่วยเหลือเนปาลมาตลอด นอกจากนี้การบูรณปฏิสังขรณ์โบราณสถานครั้งนี้ จะงสร้างประสบการณ์ให้กับช่างไทยและได้ศึกษาเรียนรู้การบูรณะโบราณสถานของแต่ละชาติ เพื่อผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านองค์ความรู้เกี่ยวกับการบูรณะโบราณ รวมถึงการแสดงบทบาทในการอนุรักษ์ศาสนสถานของไทยและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้ประเทศด้วย