กรุงเทพฯ--4 ก.ค.--อย.
อย.เตรียมพร้อมและติวเข้มเจ้าหน้าที่ระดับจังหวัดและอำเภอที่เกี่ยวข้องทั้ง 12 เขตทั่วประเทศ ในวันที่ 29 มิถุนายน 2544 ณ โรงแรม ทีเค พาเลซ จ.นนทบุรี เพื่อทบทวนแนวปฏิบัติระเบียบการดำเนินงานตามระบบใหม่ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 24 กรกฎาคม นี้ ซึ่งมีการนำกฎหมาย GMP อาหารมาใช้กับสถานที่ผลิตจะได้เกิดความชัดเจนและมีความเข้าใจในทิศทางเดียวกัน
ภญ.ฉันทนา จุติเทพารักษ์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านมาตรฐานผลิตภัณฑ์ด้านสาธารณสุข เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มีนโยบายปรับปรุงระบบการควบคุมอาหาร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการคุ้มครองผู้บริโภค โดยกำหนดความรับผิดชอบให้ผู้ผลิตอาหารต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการผลิตหรือ GMP ซึ่งจะมีผลบังคับใช้เป็นกฎหมายในวันที่ 24 กรกฎาคม 2544 และปรับปรุงข้อกำหนดความปลอดภัยอาหารแต่ละประเภทให้เท่าเทียมกับมาตรฐานสากล รวมทั้งกำหนดเลขสารบบอาหารแบบใหม่ไว้บนฉลากอาหาร นอกจากนี้ยังลดการควบคุมในขั้นตอนด้านเอกสารที่ไม่จำเป็นลง และเพิ่มความเข้มในการกำกับดูแลภายหลังจากที่ผลิตภัณฑ์ออกสู่ท้องตลาด หรือ Post-marketing มากขึ้น ดังนั้น เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรองรับกับกฎหมายการบังคับใช้ GMP ในการผลิตอาหารที่จะมีขึ้น และแนวทางการปรับระบบอาหารใหม่ อย.จึงได้ตระเวนจัดการสัมมนาให้กับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งระดับจังหวัดและอำเภอใน 12 เขตทั่วประเทศ ตั้งแต่เดือนเมษายน ถึง มิถุนายน 2544 ที่ผ่านมา ซึ่งได้รับความสนใจเป็นอย่างดี และก่อนที่จะถึงวันบังคับใช้ระบบใหม่ในวันที่ 24 กรกฎาคม 2544 อย.จึงได้จัดประชุมสัมมนาทวนสอบหลักเกณฑ์วิธีปฏิบัติตามระบบคุ้มครองผู้บริโภคด้านอาหารระบบใหม่ ให้กับพนักงานเจ้าหน้าที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั้ง 12 เขตทั่วประเทศอีกครั้ง ในวันที่ 29 มิถุนายน 2544 ณ โรงแรม ทีเค พาเลซ จ.นนทบุรี สำหรับเนื้อหาการประชุมประกอบด้วย แนวทางการอนุญาตในระบบใหม่ เกณฑ์ปฏิบัติตามมาตรฐาน GMP และการตัดสินใจในการตรวจ รวมทั้งแนวปฏิบัติในช่วงต่อระหว่างการบังคับใช้ ตลอดจนเอกสารและระบบงานที่เตรียมการไว้เพื่อให้เกิดการประสานการดำเนินงานระหว่างส่วนกลางและส่วนภูมิภาคอย่างราบรื่น
ผู้ทรงคุณวุฒิฯ กล่าวต่อไปว่า การเตรียมความพร้อมอย่างเข้มข้นในครั้งนี้ เพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกันในการปฏิบัติงาน ให้สามารถดำเนินการควบคุมกำกับตามระบบการควบคุมอาหารที่ปรับปรุงใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นำความรู้ความเข้าใจไปชี้แจงแก่หน่วยงาน ผู้ประกอบการ และผู้เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชนให้มีความเข้าใจเป็นไปในแนวทางเดียวกัน เกิดประสิทธิผลในการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ ทำให้ผลิตภัณฑ์อาหารที่ผลิตออกมามีคุณภาพ ประชาชนได้รับความปลอดภัยในการบริโภคมากขึ้น สนองนโยบายรัฐบาลที่จะเพิ่มประสิทธิภาพในการคุ้มครองผู้บริโภค--จบ--
-นห-