กรุงเทพฯ--9 พ.ค.--ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี
ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี หรือ TMB Analytics เปิดเผยผลการจัดทำดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการขนาดย่อม-ทีเอ็มบี พบว่า ความเชื่อมั่นของธุรกิจ SME ต้นปีเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากปลายปีที่ผ่านมา เหตุแรงหนุนจากมาตรการรัฐดึงความเชื่อมั่นฟื้นตัวผ่านจุดต่ำสุด แต่ยังห่วงเศรษฐกิจไทยอาจอ่อนแรงลงในไตรมาส 2
นายเบญจรงค์ สุวรรณคีรี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ และ หัวหน้านักวิเคราะห์ ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี เปิดเผย "ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการขนาดย่อม-ทีเอ็มบี" (TMB-SME Sentiment Index) ไตรมาส 1/2559 จากความเห็นของผู้ประกอบการ SME 1,272 กิจการทั่วประเทศ สำรวจโดยศูนย์บริหารความสัมพันธ์ลูกค้าเอสเอ็มอี (RMC) ทีเอ็มบี พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการอยู่ที่ 42.1 ปรับขึ้นจากระดับ 40.5 เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากไตรมาส 4 ปีก่อน หลังจากผ่านจุดต่ำสุดในไตรมาส 3/2558 ที่ระดับ 34.2 นับเป็นการเพิ่มขึ้น "สองไตรมาสติดต่อกัน" ครั้งแรกในรอบเกือบ 4 ปี ซึ่งเป็นผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ที่เริ่มประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งระยะสั้นและระยะยาวเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปลายไตรมาส 3 ปีก่อน ต่อเนื่องจนถึงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งช่วยเพิ่มกำลังซื้อและเม็ดเงินหมุนเวียนของเศรษฐกิจภายในประเทศ จนสะท้อนออกมาเป็นความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้น
"เนื่องจากเจ้าของธุรกิจมีความเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจเพิ่มขึ้นติดต่อกัน โดยความเชื่อมั่นด้านรายได้ของธุรกิจปรับสูงขึ้นอย่างชัดเจน เป็นผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศของรัฐบาล เช่น มาตรการกระตุ้นการบริโภคช่วงเทศกาลและการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่เศรษฐกิจท้องถิ่น รวมถึงความชัดเจนและต่อเนื่องในมาตรการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการแข่งขันและสภาพคล่องของธุรกิจ SME ซึ่งครอบคลุมในหลายหลายกลุ่มธุรกิจและพื้นที่ ทำให้เศรษฐกิจได้รับแรงส่งอย่างต่อเนื่องจากไตรมาสที่ 4 ปีก่อน ถึงช่วงต้นปีที่ผ่านมา" นายเบญจรงค์กล่าว
ด้านดัชนีความเชื่อมั่นของธุรกิจในอีก 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ 54.7 ลดลงจากระดับ 56.9 ยังคงสะท้อนความกังวลผู้ประกอบการ SME บนความต่อเนื่องของรายได้ธุรกิจในช่วงไตรมาสที่ 2 (เมษายน – มิถุนายน) ซึ่งเป็นช่วงที่เศรษฐกิจในประเทศยังขาดปัจจัยหนุนที่ชัดเจน นอกจากนี้ธุรกิจ SME ให้ความเห็นว่าภาวะธุรกิจช่วงสงกรานต์ปีนี้ชะลอตัวกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐฯ ทยอยสิ้นสุดลง รวมถึงปัญหาราคาสินค้าเกษตรและภัยแล้งซึ่งกระทบต่อกำลังซื้อของประชาชนที่เพิ่งฟื้นตัวตลอด 2 ไตรมาสที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ปัจจัยหลักที่สร้างความกังวลแก่ผู้ประกอบการ SME ในไตรมาสที่ผ่านมา คือ "ภาวะเศรษฐกิจในประเทศและกำลังซื้อชะลอตัว" ถึงร้อยละ 57.4 ของผลสำรวจ เมื่อพิจารณาเป็นรายภาคพบว่า ผู้ประกอบการจากภาคใต้กังวลปัจจัยดังกล่าวสูงที่สุด คิดเป็นร้อยละ 70.0 เนื่องจากเครื่องยนต์หลักสำคัญทั้ง ยางพารา ปาล์ม และสินค้าประมงมีปัญหาอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าการท่องเที่ยวของภาคใต้ยังไปได้ดี แต่ผลดีเฉพาะบางพื้นที่เท่านั้น ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคกลางกังวลสูงเป็นอันดับ 2 และ 3 คิดเป็นร้อยละ 59.1 และ 58.5 ตามลำดับ สาเหตุจากปัญหาภัยแล้งและราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ โดยเฉพาะราคาข้าว มันสำปะหลังและยางพารา
"ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจฯ มองว่าความเสี่ยงเศรษฐกิจไทยเผชิญอยู่ขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นภาวะภัยแล้งหรือราคาสินค้าเกษตรที่ยังอยู่ในระดับต่ำ อาจส่งผลลบต่อความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการที่เพิ่งฟื้นตัวมาสองไตรมาสติดต่อกัน โดยไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ยังขาดปัจจัยหนุนเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวต่อได้ ทำให้อาจมีความจำเป็นที่ภาครัฐจะต้องเข้ามาช่วยขับเคลื่อนให้การฟื้นตัวเป็นไปอย่างต่อเนื่องในช่วงปลายปี" นายเบญจรงค์สรุป