ฟิทช์ ประกาศอันดับเครดิตภายในประเทศของชุดหุ้นกู้ 20 พันล้านบาท ของธนาคารไทยพาณิชย์

ข่าวทั่วไป Tuesday December 13, 2005 14:38 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--13 ธ.ค.--ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย)
บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศให้อันดับเครดิตภายในประเทศ (National Rating) ระยะสั้น ที่ระดับ ‘F1+(tha)’ แก่หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน มูลค่าไม่เกิน 20 พันล้านบาท อายุไม่เกิน 270 วัน ซึ่งออกโดยธนาคารไทยพาณิชย์ (“SCB” ซึ่งได้รับการจัดอันดับเครดิตภายในประเทศที่ ‘AA(tha)’) หุ้นกู้ดังกล่าวนี้ ทำการออกจำหน่ายเป็นชุด ตลอดระยะเวลา 3 ปีข้างหน้า แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
อันดับเครดิตและแนวโน้มอันดับเครดิตดังกล่าว สะท้อนถึงการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของผลกำไรและความสามารถในการทำกำไรอันเนื่องมาจากคุณภาพสินทรัพย์ที่ปรับตัวดีขึ้นและน่าจะสามารถคงไว้ได้ในระดับเดิม แม้ว่าแนวโน้มความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจจะลดลงบ้างในปี 2548 และสภาพแวดล้อมในการดำเนินงานที่ดูท้าทายมากขึ้นในปี 2549 เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่กำลังปรับตัวสูงขึ้น ฟิทช์กล่าวว่าระดับสำรองหนี้สูญและสถานะของเงินกองทุนของธนาคารก็ปรับตัวแข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน ธนาคารไทยพาณิชย์เป็นหนึ่งในธนาคารที่มีเครือข่ายธุรกิจและทีมผู้บริหารที่แข็งแกร่งที่สุดในประเทศไทย
ธนาคารไทยพาณิชย์ได้รับประโยชน์จากผลพวงความพยายามในการปฏิรูประบบธนาคารตั้งแต่วิกฤตการณ์การเงินในปี 2540 โดยมีเครือข่ายธุรกิจและเครือข่ายลูกค้ารายย่อยที่แข็งแกร่งของธนาคาร และสภาวะทางเศรษฐกิจที่เอื้ออำนวย ในฐานะที่ธนาคารเป็นผู้ปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยรายใหญ่ที่สุดในประเทศ ธนาคารยังได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัยอีกด้วย
ธนาคารไทยพาณิชย์มีผลกำไรที่แข็งแกร่งในปี 2547 ที่ 18.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 12.6 พันล้านบาท ในปี 2546 เนื่องจากต้นทุนการปล่อยสินเชื่อที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง รายได้จากค่าธรรมเนียมและบริการที่สูงขึ้น และผลกำไรพิเศษจากการลงทุน ผลกำไรก่อนหักสำรองเมื่อไม่นับรวมผลกำไรพิเศษจากการลงทุนแล้ว เพิ่มขึ้น 25.6% ส่วนในงวด 9 เดือนแรกของปี 2548 ผลกำไรสุทธิลดลงเป็น 14.6 พันล้านบาท จาก 15.5 พันล้านบาทในงวด 9 เดือนแรกของปี 2547 โดยมีสาเหตุหลักจากผลกำไรพิเศษที่ลดลง อัตรากำไรส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิของธนาคารไทยพาณิชย์ที่ระดับ 3.2% ในงวด 9 เดือนแรกของปี 2548 จัดได้ว่าแข็งแกร่งที่สุดของธนาคารไทย อย่างไรก็ตาม ฟิทช์กล่าวว่าอัตรากำไรส่วนต่างดอกเบี้ยและผลกำไรสุทธิของธนาคารอาจได้รับผลกระทบจากต้นทุนการปล่อยสินเชื่อและรายจ่ายทางด้านภาษีที่สูงขึ้นในปี 2549
หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของธนาคารไทยพาณิชย์อยู่ที่ระดับ 74.6 พันล้านบาท หรือ 12.6% ของสินเชื่อรวม ณ สิ้นเดือนกันยายน 2548 และหนี้ที่ผ่านการปรับโครงสร้างคิดเป็น 7% ของสินเชื่อรวม ธนาคารได้ตั้งเป้าหมายที่จะลดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ลงมาอยู่ที่ 10% และ 7% ของสินเชื่อรวม ณ สิ้นปี 2548 และ 2549 ตามลำดับ ระดับสำรองหนี้สูญของธนาคารได้ลดลงมาที่ 61 พันล้านบาทเนื่องจากการบันทึกหนี้สูญตัดบัญชี ระดับสำรองหนี้สูญที่ 81.8% ของหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ เป็นระดับที่นับว่าเป็นหนึ่งในระดับที่สูงที่สุดของธนาคารไทย อัตราส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หลังหักสำรองต่อส่วนของผู้ถือหุ้นได้ลดลงเป็น 15.1% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2548 จาก 16.5% ณ สิ้นปี 2547 ชี้ให้เห็นถึงระดับสำรองหนี้สูญและสถานะของเงินกองทุนที่แข็งแกร่งของธนาคาร ณ สิ้นเดือนกันยายน 2548 เงินกองทุนขั้นที่ 1 ของธนาคารอยู่ที่ 12.2% ของสินทรัพย์เสี่ยง และเงินกองทุนทั้งหมดของธนาคารอยู่ที่ 15.7% ของสินทรัพย์เสี่ยง ฐานะเงินกองทุนของธนาคารน่าจะยังคงอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง แม้ว่าเมื่อพิจารณาถึงการจ่ายเงินปันผลและการเติบโตของสินทรัพย์แล้ว ในขณะที่ธนาคารประมาณการว่าธนาคารจะต้องการเงินทุนเพิ่มเติมอีก 4-5 พันล้านบาทเพื่อรองรับความเสี่ยงทางด้านการปฏิบัติงานภายใต้โครงสร้าง Basel II ใหม่นั้น ธนาคารคาดการณ์ว่าการเติบโตของผลกำไรจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ฐานเงินกองทุนเพื่อรองรับความต้องการดังกล่าวโดยไม่จำเป็นต้องทำการเพิ่มทุนจากการออกหุ้นใหม่
ธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งก่อตั้งโดยกรมพระคลังมหาสมบัติ ในปี 2447 เป็นธนาคารที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทยและใหญ่เป็นอันดับ 4 โดยมีส่วนแบ่งการตลาดทางด้านเงินฝากและสินเชื่อประมาณ 12% สำนักทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์มีสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ 24% ธนาคารไทยพาณิชย์มีบริษัทลูกชั้นนำในธุรกิจการปล่อยสินเชื่อรถยนต์ให้ผู้บริโภค การดำเนินงานด้านวาณิชธนกิจ การจัดการกองทุน และประกันภัย
ชัยพัฒน์ ไพฑูรย์,
Vincent Milton, กรุงเทพฯ +662 655 4762/4759
David Marshall, ฮ่องกง +852 2263 9963
หมายเหตุ : การจัดอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Ratings) ใช้วัดความน่าเชื่อถือของบริษัทในประเทศที่อันดับเครดิตของประเทศนั้นอยู่ในระดับต่ำกว่าอันดับเครดิตระดับเพื่อการลงทุน หรือมีอันดับเครดิตอยู่ในระดับต่ำแม้จะอยู่ในระดับเพื่อการลงทุน อันดับเครดิตของบริษัทที่ดีที่สุดของประเทศจะอยู่ที่ระดับ “AAA” และการจัดอันดับเครดิตอื่นในประเทศ จะเป็นการเปรียบเทียบความเสี่ยงกับบริษัทที่ดีที่สุดนี้เท่านั้น อันดับเครดิตภายในประเทศนั้นถูกออกแบบมาเพื่อนักลงทุนภายในประเทศในแต่ละประเทศนั้นๆ และมีสัญลักษณ์ที่กำหนดไว้ต่อท้ายจากอันดับเครดิตสำหรับแต่ละประเทศ เช่น “AAA(tha)” ในกรณีของประเทศไทย อันดับเครดิตภายในประเทศนั้นไม่สามารถนำไปใช้เปรียบเทียบระหว่างประเทศได้
หมายเหตุ : อันดับเครดิตระยะสั้นภายในประเทศ: F1(tha) แสดงถึงระดับความสามารถขั้นสูงสุดในการชำระหนี้ตามเงื่อนไขของตราสารตรงตามกำหนดเมื่อเปรียบเทียบกับผู้ออกตราสารหรือตราสารอื่นๆ ในประเทศไทยภายใต้อันดับความน่าเชื่อถือภายในประเทศซึ่งกำหนดโดยฟิทช์ โดยอันดับความน่าเชื่อถือนี้จะมอบให้สำหรับอันดับความน่าเชื่อถือที่มีความเสี่ยง “น้อยที่สุด” เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ออกตราสารอื่นในประเทศไทย และโดยปกติแล้วจะกำหนดให้กับตราสารทางการเงินที่ออกหรือค้ำประกันโดยรัฐบาล ในกรณีที่มีระดับความน่าเชื่อถือสูงเป็นพิเศษจะมีสัญลักษณ์ “+” แสดงไว้เพิ่มเติมจากอันดับความน่าเชื่อถือที่กำหนด
คำจำกัดความของอันดับเครดิตและการใช้อันดับเครดิตดังกล่าวของ ฟิทช์ เรทติ้งส์ สามารถหาได้จาก www.fitchratings.com อันดับเครดิตที่ประกาศ หลักเกณฑ์และวิธีการจัดอันดับเครดิต ได้แสดงไว้ในเว็บไซต์ดังกล่าวตลอดเวลา หลักจรรยาบรรณ การรักษาข้อมูลภายใน ความขัดแย้งทางผลประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้น แนวทางการเปิดเผยข้อมูลระหว่างบริษัทในเครือ กฏข้อบังคับรวมทั้งนโยบายและกระบวนการที่เกี่ยวข้องอื่นๆของฟิทช์ ได้แสดงไว้ในส่วน ‘หลักจรรยาบรรณ’ ในเว็บไซต์ดังกล่าวเช่นกัน--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ