กรุงเทพฯ--7 ธ.ค.--ไมโครซอฟท์
โฆษกของไมโครซอฟท์ได้แถลงข่าวว่า ทางบริษัทฯจะบริจาคเงินเป็นจำนวนถึง 100 ล้านเหรียญ เพื่อช่วยให้บรรดาเด็กด้อยโอกาสทั่วอเมริกา ได้มีโอกาสสัมผัสกับเทคโนโลยีและอินเทอร์เน็ต โดยทางไมโครซอฟท์กล่าวว่า โครงการดังกล่าวมีจุดประสงค์ เพื่อลดช่องว่างทางสังคมของเด็กด้อยโอกาสลง
สำหรับแนวทางการบริจาคเงินจำนวนดังกล่าวนั้น ทางไมโครซอฟท์จะกระจายแจกจ่ายเงินก้อนดังกล่าว ไปตามศูนย์เยาวชนที่มีอยู่ทั่วอเมริกาภายใต้โครงการที่ชื่อ "เทค คลับ" และศูนย์เยาวชนเหล่านั้นจะเป็นผู้นำเงินที่ได้รับไปซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์, ซอฟต์แวร์ และอุปกรณ์ต่อพ่วงต่าง ๆ เอาไว้ให้บรรดาเด็ก ๆ ที่เป็นสมาชิกของศูนย์ได้ใช้งานเพื่อให้เด็ก ๆ เกิดความคุ้นเคยและพร้อมที่จะก้าวเข้าสู่โลกแห่งเทคโนโลยีข้อมูลข่าวสารต่อไป
จากการสำรวจของทางไมโครซอฟท์พบว่า โครงการดังกล่าวจะช่วยให้เด็กและเยาวชนราว 3.3 ล้านคน ที่เป็นสมาชิกของศูนย์เยาวชนต่างๆ ได้มีโอกาสสัมผัสกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งนับว่าโครงการ เทค คลับ นี้จะช่วยสร้างประโยชน์ให้แก่สังคมได้อย่างมากเลยทีเดียว
แต่ความจริงจะเป็นเช่นนั้นหรือ? หากนำยอดเงิน 100 ล้านเหรียญมาคำนวณดู จากจำนวนเด็กและเยาชน 3.3 ล้านคน จะเห็นได้ว่าแต่ละคนจะได้รับการช่วยเหลือจากไมโครซอฟท์โดยเฉลี่ยเพียง 30 เหรียญ เท่านั้น นอกจากนั้น โครงการบริจาคดังกล่าวยังดำเนินงานเป็นช่วง ๆ โดยใช้ระยะเวลาทั้งหมดถึง 5 ปีด้วยกัน โดยในช่วงแรกทางไมโครซอฟท์จะบริจาคเงินเพียง 12.8 ล้านเหรียญ เท่านั้น และจะทยอยบริจาคอีก 88 ล้านเหรียญ ที่เหลือภายในระยะเวลา 5 ปี
ดังนั้น หากคำนวณดูอีกครั้ง ในระยะแรกของโครงการดังกล่าวเด็ก ๆ จะได้รับเงินอุดหนุนจากทางไมโครซอฟท์โดยเฉลี่ยเพียง 3.73 เหรียญต่อคนเท่านั้น และหากสรุปว่าศูนย์เยาวชนต่างๆ จะได้รับเงินบริจาคเป็นสัดส่วนตามจำนวนสมาชิก นั่นก็หมายความว่าหากศูนย์เยาวชนแห่งหนึ่งต้องการซื้อคอมพิวเตอร์สเปคต่ำที่มีราคาราว 500 เหรียญสักเครื่องหนึ่ง ศูนย์แห่งนั้นจะต้องมีสมาชิกถึง 134 คนเลยทีเดียว ซึ่งเมื่อเทียบสัดส่วนจำนวนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ซื้อจากเงินบริจาคต่อจำนวนผู้ใช้งานจะเห็นได้ว่าน้อยมากเลยทีเดียว
นอกจากนั้น เงินบริจาคของไมโครซอฟท์ยัง ต้องแบ่งส่วนหนึ่งเพื่อใช้เป็นทุนสำหรับการฝึกอบรมบุคลากร ที่จะทำหน้าที่ให้ความรู้ด้านคอมพิวเตอร์แก่บรรดาเด็ก ๆ นอกจากนั้นยังต้องมีส่วนที่กันไว้สำหรับค่าซอฟต์แวร์ด้วย ซึ่งทำให้สัดส่วนระหว่างจำนวนนักเรียนกับจำนวนเครื่องคอมพิวเตอร์ยิ่งสูงขึ้นอีก
อย่างไรก็ตาม ความพยายามของไมโครซอฟท์ต่อการช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาสนั้น นับเป็นเรื่องที่น่ายกย่องอย่างยิ่ง แต่หากทางไมโครซอฟท์ต้องการให้โครงการดังกล่าวเกิดประโยชน์เต็มที่ ก็ควรที่จะขอความร่วมมือจากบรรดาบริษัทยักษ์ใหญ่ในวงการไอที ให้มาช่วยกันลงขันบริจาคเพื่ออนาคตของเด็ก--จบ--
-สส-