กรุงเทพฯ--13 พ.ค.--IR PLUS
อิชิตัน ประกาศผลงานประจำไตรมาส 1/59 รายได้ 1,691.9 ล้านบาท กำไร 249.8 ล้านบาท ยังครองตำแหน่งผู้นำตลาดชาพร้อมดื่มต่อเนื่อง ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 41% "ตัน ภาสกรนที" ประกาศเดินเครื่องเต็มที่ พร้อมปรับกลยุทธ์สู้ศึกเครื่องดื่มในตลาดใหม่ หวังขยายฐานลูกค้า มองนโยบายรัฐ ขึ้นภาษีเครื่องดื่มน้ำตาลสูงไม่เป็นปัญหาธุรกิจ
นายตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ICHI เปิดเผยถึง ผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 1/59 (สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2559) บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 1,691.9 ล้านบาท เติบโต 45.6% เทียบกับงวดก่อนหน้าจากไตรมาส 4/58 แต่ลดลง 8.5% จากไตรมาส1/58 ในขณะที่ กำไรสุทธิปิดที่ 249.8 ล้านบาท เติบโต 365.4 % จากไตรมาส 4/58 แต่ลดลง 21.1 % จากไตรมาส1/58 โดยเมื่อเทียบสัดส่วนกำไรสุทธิต่อยอดขาย คิดเป็น 14.76% ซึ่งอยู่ในระดับที่น่าพอใจ
อิชิตันยังครองส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 1 ในตลาดชาพร้อมดื่ม โดยมีสัดส่วน 41 % ในเดือน มกราคม – มีนาคม 2559 (ข้อมูลจากตัวเลขค้าปลีกของบริษัท เดอะนีลเส็นคอมปะนี (ประเทศไทย) จำกัด เดือน มีนาคม 2559)
ภาพรวมตลาดชาพร้อมดื่มในปีนี้มีการแข่งขันสูง ทำให้อิชิตันไม่จำกัดธุรกิจอยู่ที่กลุ่มชาพร้อมดื่มเท่านั้น ตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 เป็นต้นไป จะได้เห็นสินค้าใหม่ทั้งในกลุ่มเดิม และกลุ่มสินค้าใหม่ อาทิ ไบเล่ เยลลี่ หรือ ไบเล่น้ำผลไม้ 100% เป็นต้น เพื่อสร้างยอดขายให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมูลค่ารวมของตลาดใหม่ ๆ ที่อิชิตัน จะพุ่งเป้าเข้าไปมีส่วนแบ่งทางการตลาดมูลค่ารวมกันถึง 40,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังจะมีกิจกรรมการตลาด ที่ออกมากระตุ้น โดยเน้นแคมเปญออนไลน์ในกลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพ เช่น อิชิตัน น้ำตาล 0% เพื่อขยายฐานลูกค้าและเข้าถึงผู้บริโภคยุคใหม่มากขึ้น โดยตั้งเป้ายอดขายปีนี้โต 18% หรือเท่ากับ 7,500 ล้านบาท จากปีก่อนที่ทำได้ 6,340 ล้านบาท
สำหรับตลาดต่างประเทศ บริษัทฯ ก็ยังคงให้ความสำคัญและมองว่ายังมีโอกาสอีกมาก โดยเฉพาะอิชิตัน อินโดนีเซีย ที่จะเริ่มขยายตลาดไปยังตลาด GT (General Trade) และมีการออกสินค้าใหม่ไม่ต่ำกว่า 3 ชนิด หรือรสชาติ สู่ตลาดประเภทต่างๆ เช่น ชาเขียว-ชาสมุนไพร, กาแฟ และชานม พร้อมเตรียมทำกิจกรรมการตลาดกระตุ้นยอดขายและสร้างการรับรู้ในแบรนด์ ในปีนี้จึงคาดว่าอิชิตัน อินโดนีเซีย จะสามารถขยายฐานลูกค้า ได้เพิ่มมากขึ้น และมั่นใจจะเป็นอีกส่วนสำคัญในการสร้างการเติบโตให้อิชิตัน กรุ๊ป ในอนาคต
นายตัน กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า กรณีที่สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) เสนอให้จัดเก็บภาษีสรรพสามิตในเครื่องดื่มที่มีปริมาณน้ำตาลเกินเกณฑ์มาตรฐานสุขภาพ อิชิตันในฐานะผู้ประกอบการน้อมรับ และพร้อมจะทำตาม หากเป็นนโยบายของรัฐบาล แต่ควรดำเนินการให้เป็นธรรม คือเก็บภาษีทุกเซกเมนต์ให้ครบถ้วน ทั้งรายเล็กและรายใหญ่ สำหรับบริษัทฯ มองว่ายังมีทางออกด้วยการปรับปรุงสูตรเฉพาะสินค้า ที่เกินเกณฑ์โดยไม่กระทบรสชาติ หรือน้อยที่สุด และการปรับราคาสินค้า โดยพิจารณาเป็นรายผลิตภัณฑ์ ว่าควรจะปรับอย่างไรให้เหมาะสม แต่ทั้งนี้หนึ่งในกลยุทธ์การตลาดของบริษัทปีนี้ คือ วางแผนผลักดันสินค้าที่ไม่มีน้ำตาลเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคอยู่แล้ว