ECF โชว์ผลงานแจ่ม โค้งแรกกวาดกำไรสุทธิ 28.12 ล้านบาท เติบโต 63.31% รายได้ 383.77 ล้านบาท

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday May 13, 2016 11:57 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--13 พ.ค.--Worklink PR ECF โชว์ผลงานแจ่ม โค้งแรกกวาดกำไรสุทธิ 28.12 ล้านบาท เติบโต 63.31% รายได้ 383.77 ล้านบาท ยอดขายเฟอร์นิเจอร์ใน-นอกประเทศพุ่ง ลูกค้าป้อนออเดอร์ยาวเหยียด ลุยขยายสาขาร้านเฟอร์นิเจอร์เต็มสูบ เผยร้านค้าปลีก 100 เยน Can Do กระแสตอบรับดี แย้มรับรู้กำไรธุรกิจโซล่าร์ฟาร์มประเทศญี่ปุ่นแล้ว มั่นใจ Q2 ฟอร์มดีต่อเนื่อง คาดทั้งปีรายได้โตตามนัด 10-12% นายอารักษ์ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) (ECF) เปิดเผยถึงผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2559 ว่า บริษัทมีผลประกอบการที่โดดเด่นทั้งในแง่ของรายได้และกำไร โดยมีรายได้รวมทั้งสิ้น 383.77 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 333.49 ล้านบาท จำนวน 50.28 ล้านบาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 15.08% และมีกำไรสุทธิ 28.12 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 63.31% โดยปัจจัยสนับสนุนการเติบโตในไตรมาส 1/59 มาจากธุรกิจจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ไม้ปาร์ติเคิลบอร์ด เฟอร์นิเจอร์ไม้ยางพารามียอดขายเติบโตสูงขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมีคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) ของลูกค้าต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อาทิ ลูกค้าประเทศญี่ปุ่นและตะวันออกกลาง ทั้งนี้บริษัทมีสัดส่วนการจำหน่ายสินค้าต่างประเทศ 64% ภายในประเทศ 36% โดยกลุ่มลูกค้าหลักยังคงเป็นญี่ปุ่น ซึ่งในปีนี้บริษัทฯ ยังสามารถจัดหาลูกค้ารายใหม่ ๆ ในญี่ปุ่นได้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง "ตลาดต่างประเทศมีสัญญาณการเติบโตที่ดี โดยกลุ่มลูกค้าหลักในญี่ปุ่นมีปริมาณการสั่งซื้อมากขึ้น และมีลูกค้ารายใหม่เพิ่ม ซึ่งบริษัทได้มีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ โดยความร่วมมือกับลูกค้า เพื่อตอบโจทย์ความต้องการและเพิ่มโอกาสสร้างยอดขายให้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้เรายังอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรในอเมริกา เพื่อดำเนินธุรกิจร่วมกัน" นายอารักษ์ กล่าว ขณะที่ตลาดในประเทศ ECF มีแผนขยายสาขาแบรนด์ ELEGA จำนวน 3 สาขา จากปัจจุบันมีอยู่แล้ว 17 สาขา สาขาแบรนด์ FINNA HOUSE เพื่อจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ภายใต้ลิขสิทธิ์ DISNEY เพิ่มขึ้น 2 สาขา จากปัจจุบันมีอยู่ 4 สาขา และขยายการจำหน่ายในกลุ่มโมเดิร์นเทรด อาทิ โลตัส โฮมโปร เมกาโฮม และดูโฮม ตามการเพิ่มขึ้นของสาขาของกลุ่มโมเดิร์นเทรดดังกล่าว ด้านธุรกิจร้านค้าปลีกรูปแบบร้าน 100 เยน (60 บาท) "Can Do" จากประเทศญี่ปุ่น มีกระแสตอบรับที่ดี ภายหลังจากเปิดสาขาไปแล้วจำนวน 4 แห่ง ได้แก่ ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์ เดอะ พาซิโอ พาร์ค กาญจนาภิเษก และโฮมโปร รัตนาธิเบศร์ ซึ่งการขยายสาขาจะเป็นกลยุทธ์สำคัญที่จะเพิ่มยอดขายให้เติบโตได้ต่อเนื่อง โดยในปีนี้บริษัทมีแผนจะขยายสาขาเพิ่มอีก 10 สาขา เน้นการเปิดในห้างสรรพสินค้าชั้นนำเขตกรุงเทพ ปริมณฑล และหัวเมืองขนาดใหญ่ เพื่อให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายของร้านได้อย่างหลากหลาย ส่วนธุรกิจพลังงานทดแทน ซึ่งลงทุนโดยบริษัท อีซีเอฟ โฮลดิ้งส์ จำกัด (ECFH) บริษัทย่อยของ ECF ในโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ (โซล่าร์ฟาร์ม) ECF-Tornado Energy GK กำลังการผลิต 1.5 เมกะวัตต์ ณ เมืองฮิเมะจิ จังหวัดเฮียวโงะ ประเทศญี่ปุ่น ภายหลังจากจ่ายไฟฟ้าตั้งแต่วันที่ 21 ธันวาคม 2558 ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ขณะนี้บริษัทเริ่มรับรู้กำไรจากโครงการดังกล่าวแล้ว อีกทั้งอยู่ระหว่างศึกษาแผนเข้าลงทุนโครงการโซล่าร์ฟาร์มในประเทศญี่ปุ่นเพิ่มเติม หากมีโครงการที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีและคุ้มค่ากับการลงทุน บริษัทก็สนใจที่จะเข้าลงทุนเช่นกัน นอกจากนี้บริษัทอยู่ระหว่างเตรียมตัวเพื่อเข้ายื่นข้อเสนอขายไฟฟ้าสำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวล 36 เมกะวัตต์ ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งภาครัฐจะเปิดให้เข้ายื่นประมูลได้ตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน 2559 นี้เป็นต้นไป สำหรับทิศทางธุรกิจไตรมาส 2/59 บริษัทมองว่าจะยังคงเติบโตอยู่ในทิศทางที่ดี เนื่องจากแนวโน้มความต้องการสินค้าเฟอร์นิเจอร์ทั้งในประเทศและต่างประเทศขยายตัว ส่วนเป้าหมายการเติบโตทั้งปี 59 ของ ECF เชื่อมั่นว่าจะเติบโตเป็นไปตามเป้าหมายโตอย่างน้อย 10-12% หรือมีรายได้รวมอยู่ที่ประมาณ 1,500 ล้านบาท

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ