กรุงเทพฯ--21 ก.ย.--ททท.
แม่น้ำที่ทอดตัวไหลเรื่อยมาจากทางตอนใต้ของประเทศจีน ไหลผ่านประเทศพม่า, ไทย, ลาว, เวียดนาม ระยะทางกว่า 4,000 กิโลเมตร มีปรากฏการณ์มหัศจรรย์ที่น่าพิศวงที่เกิดขึ้นเฉพาะในช่วงที่ไหลผ่านจังหวัดหนองคายคือ ในคืนวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 หรือ แรม 1 ค่ำ เดือน 11 จะเกิดปรากฏการณ์มีลูกไฟพุ่งขึ้นจากผิวน้ำสู่อากาศแล้วดับหายไป ซึ่งชาวบ้านเรียกว่า "บั้งไฟพญานาค"
ลูกไฟ หรือ บั้งไฟพญานาคจะเริ่มปรากฏให้เห็นตั้งแต่เวลาหลังพระอาทิตย์ตกดินจนถึงประมาณ 23 นาฬิกา มีลักษณะเป็นดวงไฟขนาดเล็กเท่าหัวแม่มือ ไปจนถึงขนาดเท่าไข่ห่านหรือผลส้ม มีสีแดงอมชมพูออกสีบานเย็น หรือสีแดงทับทิม จะเริ่มปรากฎจากเหนือผิวน้ำ ตั้งแต่ระดับ 1 - 30 เมตร แล้วจะพุ่งขึ้นไปสูงประมาณระดับ 50 -150 เมตร เป็นเวลาประมาณ 5 - 10 วินาที แล้วก็จะดับหายวับไปในอากาศ ทั้งๆ ที่ดวงไฟยังโตอยู่ มิได้หรี่เล็กลงแล้วค่อยๆ ดับ และไม่มีลักษณะโค้งตกลงมาเหมือนดอกไม้ไฟ
บั้งไฟพญานาคไม่มีควัน ไม่มีเขม่า ไม่มีเปลว ไม่มีเสียง ไม่มีกลิ่น
ความเชื่อเกี่ยวกับ "พญานาค"เชื่อกันว่า "พญานาค" เป็นเทพหรือเทวดาจำพวกหนึ่ง รูปร่างคล้ายงูใหญ่ มีฤทธิ์มากสามารถแปลงกายเป็นมนุษย์ได้ เป็นผู้ทรงศีล ทรงธรรม ปรารถนาในการบำเพ็ญทาน อาศัยอยู่ในเมืองบาดาล จากตำนานเล่าขานกันมานานว่ าพญานาคมีส่วนเกี่ยวข้อง กับมนุษย์มาช้านาน ตั้งแต่สมัยพุทธกาล ืครั้งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ ได้มีพญานาคชื่อ "มุจลินท์" มาขดตัว ให้พระพุทธเจ้า ประทับ แผ่พังพานใหญ่เหนือพระเศียรเพื่อปกป้องเพทภัยจากหมู่มารมิให้มารบกวนสมาธิของพระพุทธองค์
พระอริยสงฆ์ผู้ปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัด เช่น พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต, หลวงปู่ขาว อนาลโย, หลวงปู่ชอบ ฐานสโม และหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี ต่างเคยพูดว่า ขณะออกบำเพ็ญเพียรกัมมฐาน ไปยังป่าเขาลำเนาไพรนั้น มักจะพบว่ามีพญานาค มาฟังพระธรรมเทศนาด้วย
ตำนานบั้งไฟพญานาค
ปรากฎว่าบั้งไฟพญานาคที่เกิดขึ้น ในแม่น้ำโขงเฉพาะช่วงจังหวัดหนองคาย จากการเล่าขานสืบต่อกันมา แต่ครั้งปู่ย่าตายายว่า ในแม่น้ำโขงมีเทพเจ้าทางน้ำเรียกว่า พญานาค อาศัยอยู่ ในแต่ละปีจะมีผู้คนเสียชีวิตในแม่น้ำโขงจำนวนไม่น้อย ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นเพราะการกระทำของเทพเจ้าทางน้ำ จึงได้สร้างศาลเจ้าแม่สองนาง (เทพเจ้าทางน้ำ)ขึ้นที่ริมฝั่งแม่น้ำโขง เพื่อเซ่นไหว้ บวงสรวงให้ปกป้องคุ้มครอง มิให้ประสบภัยอันตรายและเกิดสิริมงคลแก่ผู้คนที่ประกอบอาชีพทางน้ำ เป็นประจำทุกปี ดังปรากฎมีศาลเจ้าแม่สองนางอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขงที่อำเภอเมืองหนองคาย, อำเภอโพนพิสัย, อำเภอบึงกาฬ เป็นต้น
ในวันออกพรรษาของทุกปี เชื่อกันว่าเป็นวันที่พระพุทธเจ้า จะเสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ กลับสู่โลกมนุษย์ เหล่าบรรดาพญานาคที่อยู่ในแม่น้ำโขงต่างแสดงความยินดีปรีดา ด้วยการจุดบั้งไฟเฉลิมฉลอง เพื่อเป็นพุทธบูชา จึงปรากฏให้เห็นเป็นลูกไฟที่พุ่งขึ้นจากผิวน้ำ ชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็น "บั้งไฟพญานาค"
มหัศจรรย์ระดับโลก
การเกิดปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาคจากงานวิจัยของนายแพทย์มนัส กนกศิลป์ เมื่อปี พ.ศ. 2536 - 2543 พบว่ามีความสัมพันธ์อย่างแนบแน่นกับการเปลี่ยนแปลงส่วนประกอบของบอากาศระดับชิดผิวโลกจากอิทธิพลของแรงโน้มถ่วงของดวงอาทิตย์, โลก, พระจันทร์ และพลังงานรังสีจากดวงอาทิตย์ และเมื่อดวงจันทร์, ดวงอาทิตย์ อยู่ในตำแหน่งที่ก่อให้เกิดส่วนประกอบอากาศใหม่ ที่ผิวโลกสามารถทำปฏิกิริยากับฟองแก๊ซธรรมชาติที่มีขนาด และส่วนประกอบที่เหมาะสมผุดขึ้นทุกวันลุกติดเป็นดวงไฟ ณ ตำแหน่ง และเวลาเดิม ขณะโลกขยับเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ โดยจะพบในฤดูร้อนช่วงเดือนมีนาคม, เมษายน, พฤษภาคม รวม 1 - 3 วัน และฤดูหนาว กันยายน, ตุลาคม รวม 2 - 5 วัน โดยวันที่พบจำนวนลูกไฟมากที่สุดคือ วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 หรือ แรม 1 ค่ำ เดือน 11 สิ่งที่ทำให้หนองคายแตกต่างจากทุกแห่งในโลก ก็คือที่อื่นคาดไม่ได้ว่าจะเกิดขึ้นวันไหนแน่ แต่ระบบ นิเวศน์วิทยา ที่มหัศจรรย์ ของลุ่มแม่น้ำโขง นับเป็นเรื่องจริงที่เหลือเชื่อเพราะทำให้บั้งไฟพญานาคขึ้นมาก และแน่นอน ประจักษ์แก่สายตามหาชนทุกคืนวันออกพรรษา (วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11) หรือแรม 1 ค่ำ เดือน 11 ติดต่อกันมากกว่าหนึ่งร้อยปีที่จังหวัดหนองคาย ประเทศไทยแห่งเดียวในโลกเท่านั้น
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ - จังหวัดหนองคาย โทร. (042) 412678 หรือสามารถค้นหารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.bangfaipayanak.com-- จบ--
-สส-