กรุงเทพฯ--16 พ.ค.--บลจ.วรรณ
บลจ.วรรณ เผย อัตราดอกเบี้ยทรงตัวระดับต่ำ หนุนธุรกิจภาคอสังหาฯ ต่อเนื่อง และเพิ่มความน่าสนใจเข้าลงทุนแนะติดตามทิศทางอัตราดอกเบี้ยโลกในช่วงปลายปี พร้อมประกาศจ่ายปันผล 3 กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์
ดร.วิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม วรรณ จำกัด (บลจ.วรรณ) เปิดเผยว่า ในภาวะที่แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยโลกยังทรงตัวในระดับต่ำ ได้ส่งผลดีต่อธุรกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับประโยชน์จากรายได้ค่าเช่า โดยเฉพาะกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ โดยปัจจุบันอัตราการจ่ายเงินปันผลเฉลี่ยของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทยยังคงอยู่ในอัตราที่สูง ประมาณ 5.35% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าอัตราผลตอบแทนจากพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี ที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณ 1.69% ต่อปี บ่งชี้ได้ว่ากองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ยังมีส่วนต่างผลตอบแทนที่น่าสนใจอย่างต่อเนื่อง
"ผู้ลงทุนยังต้องติดตามทิศทางของอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปลายสัปดาห์นี้จะมีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจออกมาเพิ่มเติม อาทิ ตัวเลขภาคอสังหาริมทรัพย์ และการผลิตภาคอุตสาหกรรม ซึ่งหากออกมาดีตลาดก็จะมีความกังวลต่อถึงความเป็นไปได้ที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงเดือน มิ.ย. ทั้งนี้ หากเฟดไม่พิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิ.ย.นี้ โอกาสที่เฟดจะพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งน่าจะเป็นในช่วงไตรมาส 4/59 เพื่อรอให้การเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ผ่านพ้นไปก่อน ซึ่งจะลดปัจจัยกดดันให้ธปท. ต้องเร่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในประเทศ เพื่อรักษาส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยในประเทศและต่างประเทศ โดยหากอัตราดอกเบี้ยนโยบายของประเทศหลักๆยังทรงตัวในระดับต่ำก็จะเอื้อต่อกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีรายได้ค่าเช่าต่อไป และทำให้มีส่วนต่างของอัตราผลตอบแทนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์กับอัตราดอกเบี้ยยังคงดึงดูดความน่าสนใจของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์" ดร.วิน กล่าว
ในส่วนกองทุนรวมอสังหาริทรัพย์ของบลจ.วรรณ คณะกรรมการจัดการลงทุนได้มีมติจ่ายเงินปันผลกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์จากกำไรสุทธิของผลดำเนินงานในไตรมาสแรกกระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2559 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2559 จำนวน 3 กองทุน ได้แก่ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทยอินดัสเตรียล 1 (TIF1) ในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.1544 บาท กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ยูนิลอฟท์ (UNIPF) ในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.175 บาท กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์บางกอก (BKKCP) ในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.16 บาท หรือคิดเป็น Dividend Yieldระดับราคา ณ สิ้นไตรมาส 1/59 ประมาณ 8.39% 7.45% และ 6.57% ตามลำดับ ซึ่งทั้ง 3 กองทุนจะกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุน เพื่อสิทธิในการรับเงินปันผล ในวันที่ 25 พฤษภาคม 2559 และกำหนดจ่ายเงินปันผล ในวันที่ 9 มิถุนายน 2559
สำหรับ กองทุน TIF1 เป็นกองทุนรวมที่ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์อาคารโรงงานในนิคมอุตสาหกรรม สวนอุตสาหกรรมและเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมนวนคร ในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดปทุมธานี และ จังหวัดชลบุรี จำนวนรวมทั้งสิ้น 26 โรงงาน กองทุน UNIPF เป็นกองทุนรวมที่ได้ลงทุนในกรรมสิทธิ์ (Freehold) ในโครงการหอพักยูนิลอฟท์ ศาลายา พร้อมระบบสาธารณูปโภค งานระบบ เฟอร์นิเจอร์ วัสดุ และอุปกรณ์ที่เกี่ยวเนื่องและจำเป็นต่อการใช้ประโยชน์ในโครงการ และกองทุน BKKCP ลงทุนในห้องชุดสำนักงานและพาณิชยกรรม ในอาคารชาญอิสระทาวเวอร์ จำนวน 24 ห้อง และ อาคารชาญอิสระ ทาวเวอร์ 2 จำนวน 136 ห้อง ซึ่งกองทุนจะมีรายได้จากการทำสัญญาจากผู้เช่ารายย่อย โดยแต่งตั้งบริษัท ชาญอิสสระดีเวล็อปเมนท์ จำกัด(มหาชน) เป็นผู้บริหารและดูแลทรัพย์สินออกจัดหาประโยชน์ให้แก่กองทุน