กรุงเทพฯ--16 พ.ค.--มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์
บมจ. เอ็ม.ซี.เอส สตีล (MCS) แจ้งผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/2559 บริษัทฯ มีรายได้รวม 1,066.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้น18.09%หรือ 163.29 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 188.70 ล้านบาท ด้าน "ไนยวน ชิ" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เผยธุรกิจสดใส ตามความต้องการใช้เหล็กเพิ่มขึ้น หนุนรายได้ปี 59 โต 10% จากปีก่อน 3,653 ล้านบาท หลังตุนงานในมือสูงถึง 2 แสนตัน ซึ่งจะทยอยส่งมอบในระยะเวลา 4 ปี (59-62) เฉลี่ยปีละ 49,000-50,000 ตัน
นายไนยวน ชิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็ม.ซี.เอส สตีล จำกัด (มหาชน) หรือ MCS ผู้ผลิตและจำหน่ายโครงสร้างเหล็กชั้นนำในประเทศไทย เปิดเผยผลการดำเนินงานประจำงวดไตรมาส 1/2559 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2559 ว่า บริษัทฯ มีรายได้รวม1,066.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.09% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมที่ 902.75ล้านบาท และมีกำไรสุทธิในไตรมาสนี้ 191.278ล้านบาท
ทั้งนี้สาเหตุการเพิ่มขึ้นของรายได้ในไตรมาส 1/2559 เนื่องจากปริมาณการส่งมอบโครงสร้างเหล็กให้กับลูกค้าญี่ปุ่นที่สูงขึ้นจากความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของภาคก่อสร้างในญี่ปุ่น แม้ว่าจะมีบางส่วนที่เลื่อนการส่งมอบงานบางส่วนออกไปรับรู้รายได้ที่ไตรมาส 2/2559 ก็ตาม แต่ถือว่าเป็นส่วนที่ไม่เยอะ
ถึงแม้ว่าราคาขายเฉลี่ยของไตรมาสนี้ปรับลดลงประมาณ 4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมาอยู่ที่ 238,722เยน/ตัน จากเดิมอยู่ที่ 248,124 เยนต่อตัน แต่บริษัทก็สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในส่วนอื่นได้ ทำให้บริษัทมีกำไรขั้นต้น สำหรับงบเฉพาะกิจการ เท่ากับ 42.47 % ซึ่งสูงกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 5.84%
"ผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาสแรกของปีนี้ถือว่าเป็นไตรมาสที่ดีอีกไตรมาสหนึ่งของบริษัทฯ จากความต้องการใช้เหล็กโครงสร้างในตลาดญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น และสินค้าส่วนใหญ่มีมาร์จิ้นสูง เพราะเป็นงานที่มีการบวนการผลิตที่ซับซ้อน ทำให้ขายได้ราคาดี ประกอบกับค่าเงินเยนของญี่ปุ่นแข็ง ทำให้บริษัทได้รับรายได้เพิ่มมากขึ้น "นายไนยวน กล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอ็ม.ซี.เอส สตีล (MCS) กล่าวเพิ่มว่า ภาพรวมการดำเนินธุรกิจมีทิศทางที่ดีขึ้น เพราะบริษัทฯมีมูลค่างานในมือแล้ว 2 แสนตัน โดยคาดว่าจะทยอยส่งมอบในระยะเวลา 4 ปี (59-62) โดยส่วนใหญ่สินค้าโครงสร้างเหล็กของบริษัทฯจะมีการส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่นเป็นหลัก เพราะจะมีการก่อสร้างโครงการที่เกี่ยวข้องกับการงานกีฬาโอลิมปิกที่ประเทศ ญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพในปี 2563
ดังนั้นมั่นใจว่าผลการดำเนินของบริษัทฯในปี 2559 คาดว่ารายได้จะอัตราการเติบโตประมาณ 10% เมื่อเทียบจากปีก่อน 3,653 ล้านบาท จากการทยอยส่งมอบงานในมือเฉลี่ยปีละ 49,000-50,000 ตัน และยังมีแผนที่จะเข้าประมูลงานใหม่ๆ ต่อเนื่อง