กรุงเทพฯ--16 พ.ค.--ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
บมจ. บางกอกชีทเม็ททัล (BM) หนึ่งในผู้นำการผลิตและจำหน่ายสินค้าแปรรูปผลิตภัณฑ์เหล็ก พร้อมเข้าซื้อขายใน ตลาดหลักทรัพย์ mai 17 พ.ค. นี้ ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 1,152 ล้านบาท
นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า บมจ. บางกอกชีทเม็ททัล (BM) จะเข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai ในกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม ในวันที่ 17 พฤษภาคม 2559 โดย BM ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายสินค้าแปรรูปผลิตภัณฑ์เหล็ก ได้แก่ รางเดินสายไฟฟ้า ตู้สื่อสาร ตู้ไฟฟ้า ตู้โลหะ สถานีไฟฟ้า เป็นต้น ภายใต้ตราสินค้า "BSM" "BM" "BS" และ "BEST" รวมถึงผลิตภัณฑ์ขึ้นรูปอื่นๆ ตามความต้องการของลูกค้า และเป็นผู้จัดจำหน่ายท่อร้อยสายไฟฟ้าอีกด้วย โดย BM เป็นผู้เชี่ยวชาญในการผลิตสินค้าจากการแปรรูปโลหะที่ได้มาตรฐาน มีคุณภาพเป็นที่ยอมรับจากกลุ่มผู้รับเหมาติดตั้งงานระบบไฟฟ้า ระบบสื่อสารโทรคมนาคม ตลอดจนลูกค้าในอุตสาหกรรมต่างๆ ที่หลากหลาย
BM มีทุนชำระแล้ว 200 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 300 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน100 ล้านหุ้น เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) เมื่อวันที่ 9-11 พฤษภาคม 2559 ในราคาหุ้นละ 2.88บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 288 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 1,152 ล้านบาท มีบริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
นายธานิน สัจจะบริบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. บางกอกชีทเม็ททัล (BM) เปิดเผยว่า BM ให้ความสำคัญกับการผลิตสินค้าที่ได้คุณภาพมาตรฐาน ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้หลากหลายรูปแบบ มีการนำเทคโนโลยีอันทันสมัยมาใช้ในกระบวนการผลิต เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้ดีขึ้น การนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai จะช่วยเสริมสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า และสร้างฐานทุนที่แข็งแกร่งเพื่อรองรับการเพิ่มกำลังการผลิต โดยจะนำเงินระดมทุนไปใช้ลงทุนสร้างโรงงานใหม่หลังที่ 2 ลงทุนในเครื่องจักร ปรับปรุงพื้นที่โรงงานเดิม เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ รวมถึงชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน
BM มีผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 ลำดับแรกหลัง IPO ได้แก่ กลุ่มครอบครัวสัจจะบริบูรณ์ ถือหุ้น 29.58% กลุ่มครอบครัวอมรธาตรี ถือหุ้น11.89% และกลุ่มครอบครัววงศ์สว่างรัศมี ถือหุ้น 10.99% การกำหนดราคาเสนอขายหุ้นครั้งนี้คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E Ratio) ที่ 16.94 เท่า คำนวณจากผลประกอบการในปีที่ผ่านมา (1 ม.ค.-31 ธ.ค. 2558) หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ (fully diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.17 บาท ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า40% ของกำไรสุทธิหลังจากหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามที่กฎหมายกำหนด
ผู้ลงทุนและผู้สนใจ โปรดดูรายละเอียดจากหนังสือชี้ชวนของบริษัทที่เว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ล.ต. ที่ www.sec.or.th และข้อมูลทั่วไปของบริษัทที่ www.bsmp.co.th และที่เว็บไซต์ www.set.or.th