กรุงเทพฯ--16 พ.ค.--24 คูณ 7
วอลโว่ ทรัคส์ ยกเครื่อง FuelWatch Competition สู่มาตรฐานโลก
ผู้สมัครแข่งขัน รับสิทธิเข้ากิจกรรม Fuel Save Driving Course
ปรับกฎระเบียบ เปิดโอกาสให้บริษัทสามารถส่งพนักงานเข้าร่วมได้ 2 คน
เพิ่มประเภท Off Road แข่งที่ประเทศลาว
วอลโว่ ทรัคส์ (ประเทศไทย) ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถบรรทุกระดับโลกจากประเทศสวีเดน เดินหน้าปรับมาตรฐานการแข่งขันขับขี่ปลอดภัยและประหยัดพลังงาน Thailand FuelWatch Competition 2016 เพื่อยกระดับการแข่งขันสู่มาตรฐานสากล ซึ่งสอดคล้องกับหลักปรัชญาการแข่งขันและค่านิยมหลักด้านความปลอดภัยของวอลโว่ ทรัคส์
นายกำลาภ ศิริกิตติวัฒน์ ประธานกรรมการ วอลโว่ ทรัคส์ (ประเทศไทย) เปิดเผยว่าการแข่งขันในปีนี้ วอลโว่ ทรัคส์ (ประเทศไทย) ได้ปรับปรุงกฎระเบียบการแข่งขันในปีนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับหลักปรัชญาการแข่งขันและค่านิยมหลักของวอลโว่ ทรัคส์ ที่เน้นด้านความปลอดภัย โดยได้กำหนดให้ผู้สมัครทุกรายนอกจากจะต้องผ่านการสอบข้อเขียนและภาคปฏิบัติแล้ว ยังจะได้รับสิทธิ์เข้าร่วมกิจกรรม Fuel Save Driving Course ซึ่งเป็นกิจกรรมที่จะเสริมสร้างทักษะการขับขี่ประหยัดพลังงาน โดยคาดว่าผู้ผ่านการอบรมครั้งนี้ จะสามารถนำประสบการณ์ที่ได้รับจากการอบรมไปปรับใช้ในการประกอบอาชีพและแบ่งปันความรู้ที่ได้จากการอบรมแก่เพื่อนร่วมงานซึ่งเป็นเพื่อนร่วมอาชีพด้วย
"ถือว่าเป็นการยกระดับการแข่งขันที่สร้างจิตสำนักด้านความปลอดภัยแก่ผู้เข้าร่วมแข่งขัน ซึ่งเป็นหนึ่งในค่านิยมหลักของเราที่ยึดถือปฏิบัติกันมานาน และที่สำคัญความปลอดภัยเมื่อผนวกกับการขับขี่อย่างมีวินัย ก็จะเป็นการเสริมสร้างทักษะการขับขี่ และเราหวังว่าผู้สมัครทุกรายที่ผ่านหลักสูตรนี้ จะนำองค์ความรู้ที่ได้จากการอบรมไปเผยแพร่ให้แก่เพื่อนร่วมงานที่ไม่มีโอกาสเข้าร่วมการแข่งขัน" นายกำลาภ กล่าว และเสริมว่าการยกระดับมาตรฐานการขับขี่ของพนักงานขับรถ ย่อมหมายถึงต้นทุนของผู้ประกอบการจะลดลงด้วยเช่นกัน
การแข่งขัน Thailand FuelWatch Competition 2016 ในปีนี้ กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 2 กรกฎาคม 2559 ที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นการจัดขึ้นเป็นปีที่ 7 ติดต่อกัน โดยผู้ที่จะสมัครเข้าร่วมแข่งขันในรายการนี้ จะต้องเป็นพนักงานขับรถวอลโว่ ทรัคส์ ประจำบริษัทที่ใช้รถวอลโว่ ทรัคส์ ให้บริการลูกค้า ซึ่งจำนวนผู้เข้าร่วมสมัครในประเทศไทยเพิ่มขึ้นทุกปีจาก 56 คนในปี 2553 มาเป็น 150 คนเมื่อปีที่แล้ว และในปีนี้มีผู้สมัครเข้าร่วมถึง 250 คน ซึ่งการแข่งขันรายการนี้ วอลโว่ ทรัคส์ ได้จัดขึ้นทุกประเทศทั่วโลก โดยมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมในแต่ละปีไม่ต่ำกว่า 15,000 คนทั่วโลก
สำหรับการแข่งขันในประเทศไทย นายกำลาภ กล่าวว่าในปีนี้ วอลโว่ ทรัคส์ (ประเทศไทย) ได้ปรับปรุงกฎระเบียบการรับสมัครจากเดิมที่กำหนดให้แต่ละบริษัท สามารถส่งพนักงานขับรถวอลโว่ ทรัคส์ ได้เพียงบริษัทละ 1 คน มาเป็นบริษัทละ 2 คนในปีนี้ ทั้งนี้เพื่อเปิดโอกาสให้แก่บริษัทต่าง ๆ ที่มีพนักงานขับรถ วอลโว่ ทรัคส์ จำนวนมาก ได้เข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้ด้วย
นอกจากนี้ วอลโว่ ทรัคส์ (ประเทศไทย) ในปีนี้ ได้ขยายช่องทางการรับสมัครเพิ่มเติมจากเดิมที่จะต้องผ่านเครือข่ายการจัดจำหน่ายของวอลโว่ ทรัคส์ เท่านั้นมาเป็นการสมัคร Online เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่พนักงานขับรถ ซึ่งช่องทางใหม่นี้ ได้รับการตอบรับอย่างดีจากพนักงานขับรถวอลโว่ ทรัคส์
ทางด้านนางสาววิลาวัลย์ วิศปาแพ้ว รองประธานฝ่ายการตลาดและสนับสนุนการขาย กล่าวเพิ่มเติมว่าการแข่งขันในปีนี้ ถือเป็นการแข่งขันที่เข้มข้นและมีสีสันมากกว่าทุกปี โดยปีนี้ วอลโว่ ทรัคส์ (ประเทศไทย) ได้เพิ่มประเภทการแข่งขันจากเดิมแข่งขันทางราบเท่านั้น แต่ปีนี้จะเพิ่มการแข่งขันประเภททางวิบาก (Off Road) ซึ่งสนามแข่งขันทางราบจะจัดขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ส่วนสนามแข่งขันประเภท Off Road จะจัดขึ้นที่ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ซึ่งถือเป็นตลาดภายใต้การกำกับดูแลของวอลโว่ ทรัคส์ (ประเทศไทย)
"ถือเป็นโอกาสพิเศษที่ประเทศไทยได้เพิ่มประเภทการแข่งขัน Off Road เพิ่มขึ้นเพื่อให้การจัดแข่งขัน FuelWatch สมบูรณ์แบบ สอดคล้องกับการแข่งขันชิงแชมป์โลกที่ประเทศสวีเดนที่มีการแข่งขันทั้ง 2 ประเภท และการจัดแข่งขันในประเทศลาวนี้ ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีเพราะประเทศไทยมีการส่งออก วอลโว่ ทรัคส์ ไปยังประเทศลาวจำนวนมาก และวอลโว่ ทรัคส์ ในลาวถือเป็นตลาดภายใต้การกำกับดูแลของวอลโว่ ทรัคส์ ประเทศไทย" นางสาววิลาวัลย์ กล่าว
นางสาววิลาวัลย์ กล่าวว่าการแข่งขันประเภท Off Road นี้ ถือเป็นการทดลองนำร่องในปีแรก และเชื่อมั่นว่าการแข่งขันประเภทนี้ จะมีการจัดอย่างจริงจังในการแข่งขันครั้งต่อไป ซึ่งจะมีการเชิญชวนผู้สมัครจากตลาดที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของประเทศไทย ได้แก่ลาว กัมพูชา เมียนมาร์ ฟิลิปปินส์ มาเลย์เซีย เวียดนาม เป็นต้น เข้าร่วมแข่งขันประเภทดังกล่าว
ในการแข่งขันปีนี้ ผู้ชนะการแข่งขันในครั้งนี้ จะได้รับรางวัลรวม คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 400,000 บาท และยังได้รับสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขัน FuelWatch Competition Asia Pacific ซึ่งปีนี้จัดชึ้นที่ประเทศสวีเดน ระหว่างวันที่ 7 – 8 กันยายน และหากผู้แทนจากประเทศไทยสามารถผ่านการคัดเลือกในรอบนี้ จะได้รับสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขัน FuelWatch Global Challenge โดยผู้ชนะเพียงคนเดียวในรอบนี้ จะเป็นแชมป์โลกประจำปี 2559