กรุงเทพฯ--17 พ.ค.--ดีซี คอนซัลแทนส์ฯ
ในไตรมาสที่ 1/2559 กรุงเทพประกันชีวิตมีเบี้ยประกันรับปีแรกจำนวน 2,417 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 15 เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2558 โดยมีการเติบโตของเบี้ยประกันรับปีแรกในช่องทางธนาคาร ช่องทางตัวแทน และช่องทางอื่นๆ ที่ร้อยละ 10 ร้อยละ 16 และร้อยละ 72 ตามลำดับ และเมื่อเปรียบเทียบกับธุรกิจ (ข้อมูลธุรกิจ ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2559) บริษัทมีการเติบโตของเบี้ยประกันรับปีแรกร้อยละ 13 สูงกว่าอัตราเติบโตของธุรกิจประกันชีวิตที่เติบโตร้อยละ 4
สำหรับเบี้ยประกันรับปีต่อไปในปี 2559 เนื่องจากมีแบบประกันที่ครบกำหนดชำระเบี้ยในปี 2558 ทำให้บริษัทมีการชะลอตัวลงของเบี้ยปีต่อในไตรมาส 1/2559 ที่ร้อยละ 21 และเป็นสาเหตุของเบี้ยประกันภัยรับสุทธิที่ลดลง ร้อยละ 18 โดยบริษัทมีเบี้ยประกันภัยรับสุทธิจำนวน 12,856 ล้านบาทในไตรมาส 1/2559
บริษัทมีสินทรัพย์รวม ณ วันที่ 31 มีนาคม 2559 จำนวน 266,319 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2558 ร้อยละ 7 โดยรายการสำคัญที่มีอัตราการเติบโตสูงคือ รายการสินทรัพย์ลงทุนที่มีการเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 6 จากการเติบโตของเงินสำรองที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 9 จาก 207,308 ณ สิ้นปี 2558 เป็น 225,157 ล้านบาท ณ สิ้นไตรมาสที่ 1 ปี 2559
จากสภาวการณ์การลดลงของดอกเบี้ยในตลาด ระหว่างไตรมาสที่ 1/2559 ส่งผลกระทบทั้งด้านสินทรัพย์และหนี้สิน โดยในด้านสินทรัพย์ จะมีมูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์ลงทุนซึ่งส่วนใหญ่เป็นตราสารหนี้ระยะยาว เพิ่มสูงขึ้นถึง 12,171 ล้านบาท แต่เนื่องจากระบบมาตรฐานบัญชีที่ใช้ในปัจจุบัน เป็นการบันทึกด้วยราคาทุนตัดจำหน่าย ทำให้มูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์ลงทุนที่เพิ่มขึ้นนั้น ไม่ได้ถูกสะท้อนในงบกำไรขาดทุน ส่วนในด้านหนี้สิน ซึ่งคือเงินสำรองประกันชีวิต ได้รับผลกระทบโดยตรงเช่นกัน ซึ่งบริษัทต้องตั้งเงินสำรองพิเศษ ( LAT Reserve ) เพิ่มขึ้น 10,380 ล้านบาท และต้องสะท้อนค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นนี้ในงบกำไรขาดทุนด้วย จึงเป็นสาเหตุหลักที่ส่งผลให้ ผลประกอบการของบริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 6,888 ล้านบาท
กรณีที่มีการปรับปรุงมูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์ลงทุนและสำรองประกันชีวิตตามแนวปฎิบัติเรื่อง "การกำหนดให้เครื่องมือทางการเงินเป็นเครื่องมือทางการเงินที่แสดงมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุนตราสารหนี้ในงบกำไรขาดทุน" บริษัทจะมีกำไรจากการดำเนินงานสำหรับไตรมาส 1/2559 จำนวน 2,735 ล้านบาท
บริษัทมีระดับความเพียงพอของเงินกองทุน (Capital Adequacy Ratio – CAR) ณ สิ้นไตรมาส 1/2559 ที่ระดับ 329% เพิ่มขึ้นจาก 309% เมื่อสิ้นปี 2558 โดยสูงกว่าระดับที่กฎหมายกำหนดที่ 140% อยู่มากกว่า 2 เท่า จึงแสดงถึงความมั่นคงในฐานะทางการเงินของบริษัท
ในไตรมาส 1/2559 บริษัทได้แนะนำแบบประกันใหม่ ได้แก่ บีแอลเอ รักษ์สุขภาพ และ บีแอลเอ เบาหวานเทคแคร์ แบบประกันใหม่ทั้ง 2 แบบเป็นแผนคุ้มครองสุขภาพในช่องทางตัวแทน รวมทั้งการทำตลาดของบีแอลเอ พร้อมเกษียณ ซึ่งได้รับการยอมรับจากประชาชนที่ต้องการวางแผนเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเกษียณอายุในอนาคต แบบประกันที่พัฒนาขึ้นเหล่านี้สามารถช่วยเพิ่มการเติบโตของเบี้ยประกันรับปีแรกในไตรมาส 1/2559
บริษัทยังพัฒนาศักยภาพของช่องทางจำหน่ายต่างๆ ในช่องทางตัวแทน บริษัทสามารถสร้างตัวแทนประกันชีวิตและพัฒนาที่ปรึกษาการเงินอย่างต่อเนื่องตามแผนงานในไตรมาส 1/2559 นอกจากนี้บริษัทยังร่วมมือกับพันธมิตร 3 องค์กร ร่วมพัฒนาทีมที่ปรึกษาการเงินมืออาชีพ smart 3B ซึ่งได้มีการเปิดตัวตั้งแต่ปลายไตรมาสที่ 1 เป็นต้นมา