กรุงเทพฯ--17 พ.ค.--สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากการดำเนินการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติที่เสื่อมโทรมที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้กรมป่าไม้ส่งมอบเพื่อนำไปดำเนินการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมตั้งแต่ปี ๒๕๓๖ ยังมีแปลงที่ดินซึ่งยังมิได้ทำการสำรวจรังวัดเนื้อที่ประมาณ 2 ล้านไร่ การเสนอให้ใช้ ม.44 ในการทวงคืนที่ดินของรัฐในครั้งนี้จะส่งผลให้เกิดการบังคับใช้กฎหมายที่มีความเสมอภาค ลดความเหลื่อมล้ำจากผู้มีที่ดินโดยมิชอบจำนวนมาก ไปสู่เกษตรกรผู้ไร้ที่ดินทำกินและจะเป็นการนำทรัพยากรที่ดินไปใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ภาคเกษตรอย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต
นายสรรเสริญ อัจจุมานัส เลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า สาเหตุที่ไม่สามารถดำเนินการในที่ดินอีก 2 ล้านไร่ ดังกล่าว มีสาเหตุมาจากผู้ถือครองที่ดินรายใหญ่ไม่ให้ความร่วมมือ หรือไม่ยินยอมเข้าสู่กระบวนการปฏิรูปที่ดิน มีการปกปิดตัวตนผู้ถือครองที่แท้จริงโดยความร่วมมือของผู้ปกครองท้องที่ และข้าราชการบางราย ประกอบกับส่วนใหญ่เป็นผู้ถือครองที่ดินรายใหญ่ ที่ครอบครองที่ดินเกินกว่าจำนวนเนื้อที่ตามที่กฎหมายปฏิรูปที่ดินกำหนด ซึ่งถือเป็นอุปสรรต่อการติดตามนำที่ดินของรัฐไปดำเนินการจัดให้แก่เกษตรกรผู้ไร้ที่ดินทำกิน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดย สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม(ส.ป.ก.) จึงจำเป็นต้องเสนอให้มีการใช้อำนาจตามความในมาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 มาสนับสนุนกระบวนการบังคับใช้กฎหมายให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิผลและเกิดความเป็นธรรมแก่สังคม
ทั้งนี้ เงื่อนไขการดำเนินงานจะเริ่มใช้มาตรการบังคับกับผู้ถือครองรายใหญ่ที่มีเนื้อที่เกินกว่า 500 ไร่ขึ้นไป เบื้องต้นได้กำหนดพื้นที่เป้าหมายใน 34 จังหวัด 563 แปลง พื้นที่ 540,351 ไร่ ซึ่งขณะนี้ ส.ป.ก. ได้ส่งรายละเอียดพื้นที่เป้าหมายกลับไปยังจังหวัด เพื่อดำเนินการตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำเสนอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ พร้อมร่างคำสั่งเพื่อพิจารณาเสนอต่อพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อพิจารณาต่อไปด้วย นายสรรเสริญ กล่าว