EVOLUTION อีโวลูชั่น…รวมพันธุ์เฉพาะกิจ พิทักษ์โลก 28 กันยายน 2544

ข่าวทั่วไป Friday September 21, 2001 09:04 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--21 ก.ย.--โคลัมเบีย ฟิคเจอร์ส
ไอวาน ไรท์แมน (Ivan Reitman) เป็นผู้ทำให้คนทั่วไปรู้จัก"การกำจัดผี - Ghostbusting" คำที่มาจากหนังตลกผจญภัยชื่อดัง Ghostbusters และ Ghostbusters II ซึ่งเป็นหนังที่ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงปีที่หนังเข้าฉาย และในปีนี้เขาจะมาทำให้คำว่า "วิวัฒนาการ - Evolution" ได้รับความสนใจด้วยดีในแบบเดียวกัน
หนังตลกผจญภัยเรื่อง Evolution นี้จะนำเสนอเหตุการณ์ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นหลังจากที่มีสะเก็ดดาวตกพุ่งเข้าชนโลก ซึ่งภายในสะเก็ดดาวตกนั้นได้นำเอาสิ่งมีชีวิตต่างดาวเข้ามาด้วย เจ้าเอเลี่ยนต่างดาวนี้เชื่อว่า "ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดคือผู้ที่เหมาะสมที่สุดที่มีชีวิตอยู่รอดต่อไป"...กลุ่มนักแสดงที่มารับบทผู้กล้าที่ต้องต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตจากต่างดาวในครั้งนี้ ได้แก่ เดวิด ดูคอฟนี่ - David Duchovny (The X-Files, Return to Me), ออร์แลนโด้ โจนส์ - Orlando Jones (Bedazzled, The Replacements), ฌอนน์ วิลเลี่ยม สก๊อตต์ - Seann William Scott (Road Trip, American Pie) และ จูเลี่ยนน์ มัวร์ - Julianne Moore (นักแสดงผู้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์มาแล้วสองครั้งจาก The End of the Affair, Boogie Nights)
Evolution กำกับภาพยนตร์โดยไอวาน ไรท์แมน โดยที่ เดวิด ไดมอนด์ (David Diamond), เดวิด ไวส์สแมน (David Weissman) และ ดอน จาโคบี้ (Don Jakoby) ร่วมกันเขียนบทภาพยนตร์ขึ้นจากเค้าโครงเรื่องของดอน จาโคบี้ หนังเรื่องนี้อำนวยการสร้างโดยไอวาน ไรท์แมน, แดเนี่ยล โกล์ดเบิร์ก (Daniel Goldberg) และ โจ เม็ดจั๊ค (Joe Medjuck) ภายใต้การบริหารงานสร้างของบริษัท The Montecito Picture Company ซึ่งมี ทอม พอลล็อค (Tom Pollock), เจฟฟ์ แอปเปิ้ล (Jeff Apple) และ เดวิด ร็อดเจอร์ส (David Rodgers) รับหน้าที่เป็นผู้อำนวยการสร้างฝ่ายบริหาร โดยมี พอล ดีสัน (Paul Deason), เชลดอน คาห์น (Sheldon Kahn), เคนเน็ธ ชเว็นเคอร์ (Kenneth Schwenker) และ โรเนลล์ เวนเตอร์ (Ronell Venter) รับหน้าที่เป็นผู้ร่วมอำนวยการสร้าง บริษัทดรีมเวิร์คส์จัดจำหน่ายหนังเรื่อง Evolution ในอเมริกา และบริษัทโคลัมเบีย พิคเจอร์ส จัดจำหน่ายหนังเรื่องนี้ในประเทศอื่นๆทั่วโลก
เกี่ยวกับงานสร้าง
ผู้กำกับและอำนวยการสร้างไอวาน ไรท์แมน ซึ่งเคยผ่านงานหนังตลกหลากรูปแบบ นับตั้งแต่ หนังแนวบ้านคนเพี้ยนจนถึงบ้านผีสิง, เรื่องเกี่ยวกับค่ายทหารจนถึงค่ายฤดูร้อน, เรื่องของแฝดสลับคู่จนถึงคู่แฝดเหมือนประธานาธิบดี แต่อย่างไรก็ตาม มีหนังอยู่ประเภทหนึ่งที่เขาสนใจชื่นชอบเป็นพิเศษ "ผมเป็นแฟนตัวจริงของเรื่องแนวนิยายวิทยาศาสตร์ ตั้งแต่เด็กแล้ว ที่ผมจะต้องเฝ้าจอโทรทัศน์ในช่วงบ่ายวันเสาร์ เพื่อติดตามดูซีรี่ส์ไซ-ไฟ ระทึกขวัญ ที่เป็นอมตะ อย่าง It Came From Outer Space, War of the Worlds และ Invaders From Mars" ไรท์แมนขยายความเพิ่มเติม "ผมอยากจะทำหนังแนวไซ-ไฟวิทยาศาสตร์ร่วมสมัย ในแบบฉบับของผมเอง ซึ่งก็คือเป็นแนวหนังตลก แล้วในตอนที่ทอม พอลล็อค เพื่อนร่วมงานของผม เอาบทร่างแรกของดอน จาโคบี้ เรื่อง Evolution มาให้ผมดู ผมรู้สึกในทันทีที่อ่านจบ ว่านี่คือบทหนังที่ชาญฉลาด เป็นแนวทางใหม่ของหนังมนุษย์ต่างดาวบุกโลก"
แต่ก็มีบางอย่างในบทหนัง Evolution ฉบับแรกของจาโคบี้ ที่ไม่สอดคล้องกับมุมมองของผู้กำกับ เนื่องจากว่ามันออกจะเป็นเรื่องราวไซ-ไฟระทึกขวัญ ที่ดู 'จริงจัง-ดราม่า' มากเกินไป ซึ่งก็ดูจะไม่ค่อยเหมาะกับแนวทางการทำงานของไรท์แมน ที่มองเห็นอารมณ์ขันในเรื่องราวเหตุการณ์วาระสุดท้ายของโลกมนุษย์ ไรท์แมนจึงทำงานร่วมกับทีมผู้เขียนบท ดอน จาโคบี้, เดวิด ไดมอนด์ และเดวิด ไวสส์แมน พัฒนาปรับแต่งเรื่องราวแอ๊คชั่นระทึกขวัญให้กลายมาเป็นตลกปนแอ๊คชั่นและถึงจะปรับให้หนังมีอารมณ์ขันมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าข้อมูลทฤษฎีวิทยาศาสตร์ที่จาโคบี้ใช้ผูกเรื่องขึ้นแต่แรกจะถูกตัดทิ้งไปจนหมด ทีมงานยังคงอาศัยหลักทฤษฎีวิทยาศาสตร์เป็นพื้นฐานของเรื่องอยู่เช่นเดิม โดยความเป็นจริงแล้ว หนังเรื่องนี้ผูกเรื่องขึ้นตามสมมติฐานของกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ ซึ่งทีมงานผู้สร้างภาพยนตร์สนใจข้อมูลเหล่านั้นเป็นพิเศษ
ผู้อำนวยการสร้างฝ่ายบริหารทอม พอลล็อค กล่าวว่า "นักวิทยาศาสตร์บางกลุ่มเชื่อกันว่าสิ่งมีชีวิตบนโลกเป็นสิ่งมีชีวิตที่มาจากดาวดวงอื่น โดยจะแฝงตัวอยู่ในสะเก็ดดาวตกที่ตกลงบนดวงดาวที่ไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิต แล้วสิ่งมีชีวิตในสะเก็ดดาวตกนั้นก็จะค่อยๆวิวัฒนการขยายพันธุ์มากขึ้นๆ ทฤษฎีความเชื่อนี้เรียกกันว่า 'แพนสเพอร์เมีย - panspermia' ซึ่งเป็นหนึ่งในทฤษฎีที่ยังคงได้รับการถกเถียงกันอยู่ในกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ปัจจุบัน เกี่ยวกับประเด็นต้นกำเนิดสิ่งมีชีวิตบนโลก ทฤษฎีวิวัฒนาการทฤษฎีนี้เป็นข้อมูลใหม่ที่ผมค่อนข้างสนอกสนใจ"
"อารมณ์ขันคือสิ่งสำคัญในหนังเรื่องนี้" ไรท์แมนเน้นย้ำ "แต่ถึงอย่างไรหนังแนวไซ-ไฟลักษณะนี้ ก็ควรที่จะให้ความสำคัญกับข้อมูลแง่มุมทางวิทยาศาสตร์ในสัดส่วนที่พอเหมาะเช่นกัน เรานำข้อมูลจริงที่ได้รับการคิดค้นถกเถียงมาผสมผสานเข้ากับอารมณ์ขัน โดยผลลัพธ์ที่ได้ คือผู้ชมจะสัมผัสได้ถึงข้อมูลความเป็นจริงในสไตล์ที่ดูแฟนตาซีเหลือเชื่อ"
ภาระหนักที่จะคงไว้ซึ่งความสมดุลระหว่างข้อเท็จจริงกับจินตนาการในหนังเรื่องนี้ ตกอยู่กับกลุ่มนักแสดงนำ ซึ่งนำทีมโดยเดวิด ดูคอฟนี่ เขากล่าวยืนยันว่า "เราต้องแสดงให้เห็นถึงบุคลิกที่เปี่ยมไปด้วยอารมณ์ขัน และในขณะเดียวกันก็จะต้องทำให้คนดูรู้สึกเชื่อตามไปโดยตลอดว่าตัวละครเหล่านั้นเป็นนักวิทยาศาสตร์ นี่คือการแสดงที่ทั้งยากและท้าทาย ผมจะต้องทำให้ตัวละครดูน่าเชื่อถือและดูเหลือเชื่อไปพร้อมๆกัน!?"
ดูคอฟนี่รับบทเป็น ด็อกเตอร์ไอร่า เคน บุคคลแรกที่ค้นพบว่ามีสายพันธุ์ต่างดาวแฝงตัวมากับสะเก็ดดาวตกที่พุ่งชนโลก และก็เป็นบุคคลแรกที่เข้าใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นตามมาหลังจากที่สิ่งมีชีวิตต่างดาววิวัฒนาการตัวเองไปอย่างรวดเร็วเช่นนี้ "เขาเป็นอดีตนักวิทยาศาสตร์ผู้เคยทำงานให้รัฐบาลสหรัฐฯแต่อาชีพการงานในปัจจุบันกลับตกต่ำ จนต้องกลายมาเป็นอาจารย์ในวิทยาลัยประจำท้องถิ่น - เกลน แคนยอน, อาริโซน่า และก็น่าขันที่เขานี่แหละที่เป็นผู้พบสิ่งผิดปกติร้ายแรง ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงชีวิตเขาไปตลอดกาล" ดูคอฟนี่ให้ความเห็น
ไรท์แมนยอมรับ ว่าคนดูคงต้องคิดเปรียบเทียบบทบาทของดูคอฟนี่ในหนังเรื่องนี้กับบทที่ทำให้เขาโด่งดังในซี่รี่ส์ชุด The X-Files แต่ตัวผู้กำกับไรท์แมนเองกลับบอกว่าเขาเลือกดูคอฟนี่มารับบทนี้ เพราะเขาติดใจบุคลิกตลกๆของเขาในผลงานการแสดงยุคแรกๆของดูคอฟนี่ เรื่อง Beethoven ซึ่งเป็นหนังที่ไรท์แมนอำนวยการสร้าง "สำหรับผม เดวิดเป็นนักแสดงหนุ่มหล่อที่มีพรสวรรค์ในการแสดงบทตลก เขาฉลาด มีไหวพริบ ร่าเริง และยิ่งเมื่อได้ดูบทบาทการแสดงของเขาใน The Larry Sanders Show ผมก็ยิ่งมั่นใจว่าเขามีความสามารถในการแสดงบทตลกอยู่ในตัว"
ออร์แลนโด้ โจนส์มารับบทเพื่อนร่วมงานของดูคอฟนี่ในหนังเรื่องนี้ เขารับบทเป็นเพื่อนอาจารย์ในวิทยาลัยที่ชื่อ แฮรรี่ บล็อค แฮร์รี่เป็นอาจารย์สอนวิชาธรณีวิทยา และเป็นโค้ชทีมวอลเล่ย์บอล สำหรับตัวเขาเองแล้ว เขาสนใจการตบลูกวอลเล่ย์ฯมากกว่าการสำรวจชั้นหิน แต่ทุกสิ่งกลับเปลี่ยนแปลงไป หลังจากที่เขาถูกเรียกตัวให้ไปสำรวจสถานที่ที่สะเก็ดดาวตกพุ่งชนโลก ซึ่งเขาก็ได้ลากเอาไอร่ามาช่วยงานด้วย
โจนส์เล่าว่า "ตัวละครแฮร์รี่และไอร่าทำงานร่วมกันไปวันๆที่วิทยาลัย โดยต่างก็เฝ้ารอว่าสักวันจะต้องมีสิ่งดีๆเข้ามาในชีวิตพวกเขาเป็นแน่ เขาทั้งสองรู้สึกว่าเหตุการณ์สะเก็ดดาวตกพุ่งชนโลกเป็นเหตุการณ์ที่สุดแสนมหัศจรรย์ และก็เป็นโอกาสที่จะทำให้พวกเขาได้ก้าวต่อไป ในที่สุดทั้งสองก็ได้ค้นพบสิ่งมีชีวิตจากต่างดาวที่แฝงตัวเข้ามายังโลกมนุษย์ และแน่นอนว่าย่อมจะไม่ใช่เรื่องที่ดี"
ผู้อำนวยการสร้างแดเนี่ยล โกลด์เบิร์ก สังเกตเห็นว่าดูคอฟนี่กับโจนส์สนิทสนมกันอย่างรวดเร็วทั้งในและนอกกองถ่าย "ตั้งแต่ครั้งที่สองที่เขาเจอกัน พวกเขาก็ไปทานข้าวเที่ยงร่วมกัน ไปเที่ยวบ้านของกันและกัน บทตัวละครในเรื่องกำหนดไว้ว่าทั้งสองเป็นเพื่อนเก่าที่สนิทสนมกันมานาน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่ดีที่เขาทั้งสองสนิทสนมกันนอกจอตั้งแต่เริ่มการถ่ายทำ"
"ผมอาจจะรู้สึกอคติเข้าข้างตัวเอง แต่ผมเชื่อว่าเดวิดกับออร์แลนโด้เป็นคู่หูที่เข้าขากันได้ดี" ไรท์แมนเห็นด้วยกับความคิดของโกลด์เบิร์ก "เขาทั้งสองฉลาดหลักแหลม แต่พอถึงเวลาแสดงก็แสร้งโง่ได้สมจริง พวกเขารับส่งบทกันได้อย่างเยี่ยมยอด"
ทั้งดูคอฟนี่และโจนส์ต่างก็ใส่มุขตลกสดๆเข้าไประหว่างการถ่ายทำหนังเรื่องนี้ โดยบางมุขก็เป็นความคิดของไรท์แมน แต่บางมุขก็เป็นมุขส่วนตัวของเขาทั้งสอง "เวลาที่ผมกับออร์แลนโด้เข้าฉากถ่ายทำ เรามักจะหาโอกาสหยอดมุขสดๆเข้าไปด้วย แล้วถ้าไรท์แมนจับได้ เขาก็มักจะหันมาพูดว่า 'ผมรู้นะว่าพวกคุณทำอะไร...อย่าทำอย่างนั้นอีกนะ!' จากนั้นเราก็ไม่ทำอีกเลย ไม่อีกเลยจริงจริ้ง!!!" ดูคอฟนี่เล่ากลั้วเสียงหัวเราะโจนส์ตั้งฉายายกย่องไรท์แมนว่าเป็น "หนึ่งในผู้กำกับหนังตลกที่เยี่ยมยอดตลอดกาล" และการทำงานของไรท์แมนก็ไม่ได้เข้มงวดมากจนไม่รับฟังความเห็นของทีมงานนักแสดง "ไอวานเป็นคนมีวิสัยทัศน์ เขารู้ว่าเขาต้องการให้หนังออกมาเป็นเช่นไร เขาเป็นเหมือนเด็กในร่างผู้ใหญ่ เรามักจะแอบใส่มุขสดๆระหว่างการถ่ายทำ แล้วเขาก็จะหัวเราะพร้อมกับบอกว่า 'ผมชอบมุขนั้นนะ...แต่เรามาถ่ายทำฉากนั้นกันใหม่อีกทีเถอะ' เขายินดีรับฟังความเห็นใหม่ๆจากทีมงานนักแสดง จากประสบการณ์ของผมแล้ว ผมว่านั่นคือสิ่งที่ดีที่สุดเลยล่ะ"
ดูคอฟนี่กับโจนส์มักจะคิดมุขใหม่ๆอยู่ตลอด แล้วก็บ่อยครั้งที่จะเล่นเอาเถิดเอาล่อกับฌอนน์ วิลเลี่ยม สก๊อตต์ นักแสดงรุ่นน้องที่ร่วมแสดงหนังเรื่องนี้ด้วย "พวกเขามักจะหามุขมาหยอกฌอนน์อยู่เสมอๆ พวกเขาเหมือนพี่ที่ชอบแกล้งยั่วกระเซ้าน้องเล็ก ลักษณะที่สนิทสนมกันอย่างมากเช่นนี้ตรงกันกับความสัมพันธ์ของตัวละครที่บทหนังต้องการ" โกลด์เบิร์กเล่าด้วยรอยยิ้ม "พวกเขามักจะคิดมุขเจ็บๆมาแกล้งเพื่อนนักแสดงด้วยกัน แต่กับฌอนน์แล้ว เขากลับชอบที่โดนกระเซ้าจากนักแสดงรุ่นพี่ รวมถึงนักแสดงคนอื่นๆด้วยที่สนุกไปกับมุขแสบๆคันๆเหล่านั้น"
สก๊อตต์รับบท เวย์น นักผจญเพลิงฝึกหัดที่อยู่ใกล้กับจุดที่สะเก็ดดาวตกพุ่งเข้าชน - กลางทะเลทรายอาริโซน่า "เขาค่อนข้างจะเป็นคนไม่ฉลาด แต่เขาก็เป็นคนมีน้ำใจ" สก๊อตต์พูดถึงบุคลิกตัวละคร "เมื่อเขาได้เข้าร่วมทีมกับไอร่าและแฮร์รี่ เขาก็สู้กับเหล่าเอเลี่ยนสุดกำลังความสามารถเพื่อช่วยรักษาโลกใบนี้ให้คงอยู่ต่อไป นั่นคือครั้งแรกในชีวิตที่เขาได้รับข้อเสนอให้ช่วย"
นักแสดงหนุ่มเสริมอีกว่า นี่คือครั้งแรกในชีวิตที่ได้รับบทตัวละครที่ 'ไม่เป็น' วัยรุ่น "เวย์นเป็นตัวละครที่เป็นผู้ใหญ่ขึ้นกว่าตัวละครอื่นๆที่ผมเคยแสดงมา ผมต้องการจะเปลี่ยนแปลงชีวิตไปทำอย่างอื่น และนี่คือโอกาสที่จะได้แสดงบทที่มีสาระมากขึ้น ผมรู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่ได้ร่วมแสดงหนังเรื่องนี้ แล้วผมก็ดีใจมากที่ไอวานไว้ใจผม"
ไรท์แมนเห็นแววความสามารถของสก๊อตต์ นับตั้งแต่ได้ร่วมงานกันในหนังตลกเรื่อง Road Trip หนังที่เขาอำนวยการสร้าง และสก๊อตต์นำแสดง "บุคลิกของฌอนน์เตะตาผมตั้งแต่ที่เขารับบทเป็นสติฟเลอร์ใน American Pie แล้วผมก็ได้รู้จักเขามากขึ้นตอนทำงานร่วมกันใน Road Trip เขาเป็นคนเรียบง่าย สนุกสนานร่าเริง ผมคิดว่าเขาจะต้องโด่งดังมากกว่าที่เป็นอยู่แน่ๆ ใน Evolution เขาไม่ได้รับบทเป็นเด็กวัยรุ่นเหมือนที่แล้วๆมา เขาเป็นผู้ใหญ่ที่ต้องผจญกับปัญหาการทำงาน การจะทำให้ตัวเองประสบความสำเร็จ และการช่วยกู้โลกจากวิกฤติ..." ไรท์แมนเล่ากลั้วเสียงหัวเราะพวกหนุ่มๆต้องการช่วยกู้โลกจากวิกฤติอันตรายด้วยวิธีการของพวกเขาเอง แต่กลับไม่สามารถเป็นเช่นนั้นได้ ไม่นานหลังจากที่สะเก็ดดาวตกพุ่งชนโลก รัฐบาลก็ส่งเจ้าหน้าที่สาวสวยจากกองควบคุมและป้องกันโรคติดต่อ CDC (Centers for Disease Control and Prevention) - อัลลิสัน เข้ามาควบคุมสถานการณ์ ตัวละครอัลลิสันรับบทโดยนักแสดงที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์ - จูเลี่ยนน์ มัวร์...อัลลิสันค่อนข้างจะเฉยชาต่อไอร่า เนื่องจากประวัติการทำงานในอดีตอันด่างพร้อยของเขา แต่หลังจากที่เธอรู้ว่าอนาคตของมนุษย์ใกล้ถึงกาลอวสาน พวกเขาทั้งหมดจึงหันมาร่วมแรงร่วมใจต่อสู้กับศัตรูต่างดาว
จูเลี่ยนน์ มัวร์เป็นนักแสดงหญิงที่คนดูรู้จักกันดีจากบทบาทในหนังระทึกขวัญตื่นเต้นเรื่อง Hannibal มาคราวนี้เธอเปลี่ยนแปลงบุคลิกมารับบทตลกหน้าตาย "มันเป็นบทที่ฉันไม่เคยเล่นมาก่อน แล้วฉันก็ไว้เนื้อเชื่อใจผู้กำกับไอวาน ไรท์แมนได้ เขาเป็นคนที่มีความสามรถในการสร้างอารมณ์ขันให้ปรากฏในภาพยนตร์ เขารู้จังหวะในการหยอดมุขตลกในช่วงเวลาที่พอเหมาะพอดี"
ขณะเดียวกันไรท์แมนก็เรียกจูเลี่ยนน์ มัวร์ ว่าเป็น 'หนึ่งในนักแสดงหญิงความสามารถสูงของยุคสมัย' เขากล่าวต่อว่า "สิ่งที่เป็นคุณสมบัติพิเศษของจูเลี่ยนก็คือ เธอไม่เคยกลัวอะไรเลย เธอยินดีที่จะลองสิ่งแปลกๆใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบทตลกที่เธอไม่เคยแสดงมาก่อน" ตัวละครสำคัญอื่นๆที่เหลือในหนัง Evolution ไม่ได้เป็นนักแสดงที่เป็นคนจริงๆ แต่เป็นภาพพิเศษที่สร้างสรรค์ขึ้นมาด้วยวิทยาการสร้างภาพด้วยคอมพิวเตอร์ และผู้ที่ดูแลงานสร้างสรรค์ภาพด้วยคอมพิวเตอร์นี้ก็คือ ฟิล ทิป เป็ทท์ (Phil Tippett) ผู้ซึ่งต้องทำงานร่วมกับไอวาน ไรท์แมนอย่างใกล้ชิด ในการออกแบบสร้างสิ่งมีชีวิตต่างดาวขึ้นมาใหม่ด้วยคอมพิวเตอร์ทั้งหมด
(ยังมีต่อ)
-อน-

แท็ก ghost  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ