กรุงเทพฯ--19 พ.ค.--กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แนะข้อควรปฏิบัติกรณีรถดับขณะขับผ่านเส้นทางน้ำท่วม โดยนำรถออกจากเส้นทาง โดยใช้วิธีลาก จูง ห้ามสตาร์ทเครื่องยนต์หรือบิดกุญแจไปในตำแหน่ง ON อย่างเด็ดขาด พร้อมเปิดฝากระโปรงรถและปลดขั้วแบตเตอรี่ออกกรณีไม่สามารถลากรถให้พ้นจากเส้นทางที่มีน้ำท่วมได้ ใช้วิธียกรถโดยให้นำแม่แรงงัดรถให้สูงขึ้น กรณีรถยนต์ถูกน้ำท่วมทั้งคัน แม้จะสามารถนำรถออกจากบริเวณที่มีน้ำท่วมได้แล้ว ห้ามสตาร์ทเครื่องยนต์ในทันที ให้ถอดขั้วแบตเตอรี่ออก พร้อมเปลี่ยนถ่ายของเหลวและระบบกรองต่างๆ ที่สำคัญ ควรนำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อตรวจสอบระบบเครื่องยนต์ และไม่ควรฝืนนำรถไปใช้งาน เพราะอาจเป็นสาเหตุให้เกิดอันตรายร้ายแรงได้
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า ช่วงนี้หลายพื้นที่มีฝนฟ้าคะนองและฝนตกหนัก ทำให้ถนนบางสายมีน้ำท่วมสูง ซึ่งการขับรถผ่านเส้นทางน้ำท่วมมีความเสี่ยงที่เครื่องยนต์จะดับกลางน้ำได้ โดยเฉพาะหากผู้ขับขี่ไม่เรียนรู้ข้อควรปฏิบัติอย่างปลอดภัย จะทำให้รถยนต์ได้รับความเสียหายมากขึ้น เพื่อความปลอดภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ขอแนะข้อควรปฏิบัติเมื่อรถดับขณะขับผ่านเส้นทางน้ำท่วม ดังนี้ รีบนำรถออกจากเส้นทางที่มีน้ำท่วม โดยใช้วิธีลาก จูง ห้ามสตาร์ทเครื่องยนต์หรือบิดกุญแจไปในตำแหน่ง ON อย่างเด็ดขาด เปิดฝากระโปรงรถและปลดขั้วแบตเตอรี่ขั้วใดขั้วหนึ่งออก หรือทั้งขั้วบวกและขั้วลบ เพื่อไม่ให้ไฟเข้าไปเลี้ยงระบบต่างๆ ของรถ ทำให้เครื่องยนต์เสียหายมากขึ้น ถอดน็อตอ่างน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ เฟืองท้าย ถังน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อระบายน้ำที่ขังออกให้หมด พร้อมปลดอุปกรณ์ที่เป็นขั้วไฟฟ้า ถอดหัวเทียน แผงฟิวส์ กล่องรีเลย์ กล่องสมองกล (ECU) และปลดปลั๊กทุกตัวในห้องเครื่อง และปล่อยให้อุปกรณ์ต่างๆ แห้ง โดยการตากแดด เป่าด้วยลมร้อนหรือใช้สเปร์ยไล่ความชื้น จนชิ้นส่วนต่างๆ แห้งสนิท รวมถึงตรวจสอบน้ำมันเกียร์ หากมีสีคล้ายชาเย็น แสดงว่ามีน้ำผสมเข้าไปในน้ำมันเกียร์ ให้เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง และกรองอากาศ จากนั้นเปิดสวิตช์ไฟเพื่อตรวจดูแผงไฟบนหน้าปัดรถ พร้อมทดลองสตาร์ทเครื่องยนต์หลายๆ ครั้ง โดยไม่ต้องเปิดเครื่องปรับอากาศ เพื่ออุ่นเครื่องไล่ความชื้นที่หลงเหลือในห้องเครื่องออกให้หมด พร้อมสังเกตอาการของเครื่องยนต์ว่าเครื่องยนต์เดินเรียบและใช้งานได้ตามปกติหรือไม่ ทดลองการเข้าเกียร์ในทุกตำแหน่ง โดยไม่ต้องเคลื่อนรถ หากทุกเกียร์ตอบสนอง รถสามารถใช้งานได้ตามปกติ ให้ลองเคลื่อนรถด้วยการใช้เกียร์ต่ำ กรณีรถมีอาการสะดุดเครื่องยนต์สั่นเดินไม่เรียบหรือเร่งเครื่องยนต์ไม่ขึ้น ให้นำรถเข้าศูนย์บริการหรืออู่ซ่อมรถ เพื่อให้ช่างดำเนินการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง ที่สำคัญ ควรตรวจสอบระบบไฟส่องสว่าง ทั้งไฟหน้า ไฟท้าย ไฟเบรก ไฟเลี้ยว หากไม่สามารถใช้งานได้ให้เปลี่ยนอุปกรณ์ใหม่ กรณีไม่สามารถลากรถให้พ้นจากเส้นทางที่มีน้ำท่วมได้ ให้ใช้วิธียกรถหนีน้ำ ด้วยการนำแม่แรงงัดรถให้สูงขึ้น นำอิฐไปค้ำยางรถยนต์ทั้ง 4 ล้อ ให้สูงกว่าระดับน้ำท่วม จากนั้นให้ถอดขั้วแบตเตอรี่ออกให้หมด เพื่อป้องกันระบบไฟฟ้าช็อต ทำให้เครื่องยนต์ได้รับความเสียหาย
นายฉัตรชัย กล่าวต่อไปว่า กรณีรถยนต์ถูกน้ำท่วมทั้งคัน ห้ามเปิดสวิตซ์ไฟหรือสตาร์ทเครื่องยนต์โดยเด็ดขาดให้ถอดขั้วแบตเตอรี่ออก และลากรถออกจากบริเวณที่น้ำท่วมโดยเร็วที่สุด ถึงแม้จะนำรถออกจากบริเวณที่มีน้ำท่วมได้แล้วก็ห้ามสตาร์ทเครื่องยนต์ในทันที จนกว่าจะตรวจสอบแล้วว่าไม่มีน้ำค้างอยู่ในเครื่องยนต์ รวมถึงควรเปลี่ยนถ่ายของเหลวและระบบกรองต่างๆ เพื่อมิให้มีฝุ่นหรือดินโคลนตกค้างภายในเครื่องยนต์ ที่สำคัญ ผู้ขับขี่ควรนำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อตรวจสอบระบบเครื่องยนต์โดยละเอียด และไม่ควรฝืนนำรถไปใช้งาน เพราะอาจเป็นสาเหตุให้เกิดอันตรายร้ายแรงได้
0-2243-0674 0-2243-2200 www.disaster.go.th