กรุงเทพฯ--25 พ.ค.--ฟิทช์ เรทติ้งส์
ฟิทช์ เรทติ้งส์ กล่าวว่ากำไรของโรงกลั่นน้ำมันและผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีน่าจะยังคงแข็งแกร่งในปี 2559 อันเป็นผลมาจากราคาน้ำมันที่ต่ำซึ่งช่วยสนับสนุนอุปสงค์ อย่างไรก็ตามฟิทช์คาดว่าค่าการกลั่นน่าจะลดลงจากปี 2558 จากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นและแรงกดดันจากอุปทานของผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปชนิดกลาง (middle-distillate products) ที่มีอย่างต่อเนื่อง
ฟิทช์กล่าวว่าอุปสงค์ของผลิตภัณฑ์น้ำมันในประเทศ ซึ่งมีส่วนต่างกำไรที่ดีกว่าการส่งออก ยังคงแข็งแกร่งและส่งผลให้มีการผลิตที่มากขึ้น การอุปโภคผลิตภัณฑ์น้ำมันภายในประเทศในไตรมาสแรกของปี 2559 เพิ่มขึ้นประมาณ 4% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยหลักๆ มาจากน้ำมันเตา (เพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน), น้ำมันเบนซิน (เพิ่มขึ้น 12%) และ น้ำมันดีเซลและน้ำมันอากาศยาน (เพิ่มขึ้น 6%) อย่างไรก็ตาม การส่งออกผลิตภัณฑ์น้ำมันลดลงประมาณ 16% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
ส่วนต่างระหว่างราคาผลิตภัณฑ์กับวัตถุดิบของผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในไตรมาสแรกของปี 2559 สนับสนุนจากส่วนต่างราคาที่สูงขึ้นของผลิตภัณฑ์โพลิเอทิลีน และผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์ โดยส่วนต่างระหว่างราคาผลิตภัณฑ์โพลิเอทิลีนกับแนฟทาเพิ่มขึ้นเป็น 760-780 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน ในไตรมาสแรกของปี 2559 (ไตรมาสแรกของปี 2558: 700-720 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน) ในขณะที่ส่วนต่างระหว่างราคาผลิตภัณฑ์พาราไซลีนกับแนฟทาเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 390 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน (ไตรมาสแรกของปี 2558: 330 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน)
ฟิทช์คาดว่าส่วนต่างระหว่างราคาผลิตภัณฑ์กับวัตถุดิบของผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีของไทยจะยังคงแข็งแกร่งในปี 2559 โดยผู้ผลิตมีการรายงานส่วนต่างราคาที่สูงขึ้นในไตรมาสแรกของปี 2559 อย่างไรก็ตาม กำลังการผลิตใหม่ที่จะเพิ่มเข้ามาน่าจะกดดันส่วนต่างราคาของผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีในช่วงเวลาที่เหลือของปี
ค่าการกลั่นที่ไม่รวมกำไรและขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันของโรงกลั่นน้ำมันของไทย ลดลงในไตรมาสแรกของปี 2559 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า โดยค่าการกลั่นที่ลดลงนี้เป็นผลมาจากการลดลงของส่วนต่างระหว่างราคาผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปชนิดกลาง (ซึ่งได้แก่น้ำมันดีเซล) กับน้ำมันดิบ ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากอุปทานที่มีมากเกินความต้องการจากประเทศจีน อย่างไรก็ตาม ค่าการกลั่นก็มีส่วนที่ถูกชดเชยด้วยส่วนต่างระหว่างราคาผลิตภัณฑ์น้ำมันเตากับน้ำมันดิบที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า
โรงกลั่นน้ำมันและบริษัทผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีของไทยที่ฟิทช์จัดอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ ได้รายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งในไตรมาสแรกของปี 2559 เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2558 ซึ่งเป็นผลมาจากส่วนต่างระหว่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีกับวัตถุดิบที่แข็งแกร่งและผลขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันที่ลดลง โดยกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อม ค่าตัดจำหน่าย และค่าเช่า (EBITDAR) ในไตรมาสแรกของปี 2559 ของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (อันดับเครดิตภายในประเทศ AA(tha)/Stable) เพิ่มขึ้น 24% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่กำไรดังกล่าวของบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) (อันดับเครดิตในประเทศ AA-(tha)/Stable) เพิ่มขึ้น 48% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
EBITDAR ของบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) (อันดับเครดิตในประเทศ A-(tha)/Negative) เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากจากฐานที่ต่ำในไตรมาสแรกของปี 2558 โดยบริษัทบันทึกผลขาดทุนสต๊อกน้ำมันในไตรมาสแรกของปี 2558 ที่สูงกว่ามาก เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2559 บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (ตั๋วแลกเงิน: F1(tha)) ก็มีการเพิ่มขึ้นของ EBITDAR เป็นอย่างมากในไตรมาสแรกของปี 2559 จากฐานที่ต่ำในไตรมาสแรกของปี 2558 เช่นเดียวกัน