กรุงเทพฯ--27 พ.ค.--กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานมีจังหวัดประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยแล้ง) 36 จังหวัด จากการติดตามสภาพอากาศ พบว่า ประเทศไทยได้เข้าสู่ฤดูฝนแล้ว โดยในช่วงต้นฤดูฝน การกระจายของฝนจะไม่สม่ำเสมอ และมีแนวโน้มเกิดภาวะฝนทิ้งช่วงในช่วงปลายเดือนมิถุนายน – กลางเดือนกรกฎาคม 2559 จึงขอให้ประชาชนใช้น้ำอย่างประหยัด กักเก็บน้ำและสำรอง น้ำไว้อุปโภคบริโภค ส่วนเกษตรกรขอความร่วมมือให้เลื่อนการทำนาปีออกไปจนกว่าจะมีฝนตกตามฤดู กาลปกติ เพื่อป้องกันผลผลิตทางการเกษตรได้รับความเสียหายจากการขาดแคลนน้ำ นอกจากนี้ เขื่อนส่วนใหญ่ปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์ต่ำกว่าปกติ เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาไม่มีน้ำไหลเข้ามาเติมในเขื่อน จึงยังคงต้องขอความร่วมมือทุกภาคส่วนใช้น้ำอย่างประหยัดและเกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อสงวนน้ำไว้ใช้ในการอุปโภคบริโภค รักษาระบบนิเวศ และเพียงพอถึงช่วงที่มีฝนตกตามฤดูกาลปกติ และขอให้จังหวัดประกาศยุติสถานการณ์ภัยภายใน 3 เดือน นับแต่วันที่เกิดภัย พร้อมรายงานมายังกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เพื่อรวบรวมรายงานกระทรวงมหาดไทยต่อไป
นายสุปกิต โพธิ์ปภาพันธ์ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ประธานการประชุมกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก) อำนวยการติดตาม ซักซ้อมการเฝ้าระวัง และประเมินสถานการณ์ภัยแล้ง ครั้งที่ 18/2559 กล่าวว่า ขณะนี้หลายพื้นที่ของประเทศได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ภัยแล้ง มีจังหวัดประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยแล้ง) จำนวน 36 จังหวัด 226 อำเภอ 1,167 ตำบล 9,394 หมู่บ้าน คิดเป็นร้อยละ 12.53 ของหมู่บ้านทั่วประเทศ แยกเป็น จังหวัดที่มีปัญหาด้านน้ำอุปโภคบริโภค 12 จังหวัด จังหวัดที่มีปัญหาด้านน้ำเพื่อการเกษตร 7 จังหวัด และจังหวัดที่มีปัญหาด้านน้ำอุปโภคบริโภคและน้ำเพื่อการเกษตร 17 จังหวัด รัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ห่วงใยประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ภัยแล้ง จึงได้สั่งการให้กระทรวงมหาดไทยโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขปัญหาและให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง โดยเน้นการแจกจ่ายน้ำ เติมน้ำในภาชนะกลางสำหรับให้ประชาชนใช้อุปโภคบริโภค รวมถึงปฏิบัติการฝนหลวงในพื้นที่เหนือเขื่อนช่วงที่สภาพอากาศเอื้ออำนวย จากการประสานข้อมูลสภาพอากาศของกรมอุตุนิยมวิทยา สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (องค์กรมหาชน) และสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) พบว่า ประเทศไทยได้เข้าสู่ฤดูฝนแล้วเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2559 อย่างไรก็ตาม ในช่วงต้นฤดูฝน การกระจายของฝนจะไม่สม่ำเสมอ และมีแนวโน้มเกิดภาวะฝนทิ้งช่วงในช่วงปลายเดือนมิถุนายน – กลางเดือนกรกฎาคม 2559 จึงขอความร่วมมือให้ประชาชนใช้น้ำอย่างประหยัด กักเก็บน้ำและสำรองน้ำไว้อุปโภคบริโภค ส่วนเกษตรกรให้วางแผนการเพาะปลูกพืชให้เหมาะสมกับสภาพอากาศและสอดคล้องกับสถานการณ์น้ำในพื้นที่ เลื่อนการ ทำนาปีออกไปจนกว่าจะมีฝนตกตามฤดูกาลปกติ โดยเฉพาะพื้นที่นอกเขตชลประทาน เพื่อป้องกันผลผลิตทางการเกษตรได้รับความเสียหายจากการขาดแคลนน้ำ นอกจากนี้ จากการติดตามสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำของการไฟฟ้าฝ่ายผลิต แห่งประเทศไทย พบว่า เขื่อนส่วนใหญ่ปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์ต่ำกว่าปกติ เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาไม่มีน้ำไหลเข้ามาเติมในเขื่อน ในขณะที่ยังคงต้องระบายน้ำออกสำหรับจัดสรรให้ประชาชนใช้ในกิจกรรมต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่ท้ายน้ำของเขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนอุบลรัตน์ และเขื่อนบางลาง ที่ต้องปรับลดปริมาณการระบายน้ำลง โดยคาดการณ์ว่าปริมาณน้ำจะลดลงใกล้ระดับกักเก็บต่ำสุดในเดือนกรกฎาคม 2559 และอาจต้องนำน้ำสำรองที่อยู่ก้นเขื่อนมาใช้งาน จึงยังคงต้องขอความร่วมมือทุกภาคส่วนใช้น้ำอย่างประหยัดและเกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อสงวนน้ำไว้ใช้ในการอุปโภคบริโภค รักษาระบบนิเวศ และเพียงพอถึงช่วงที่มีฝนตกตามฤดูกาลปกติ ท้ายนี้ ขอให้จังหวัดที่ประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยแล้ง) และภัยพิบัติที่เกิดขึ้นได้ยุติลง ให้จังหวัดประกาศยุติสถานการณ์ภัยภายใน 3 เดือน นับแต่วันที่ประกาศภัย พร้อมรายงานมายังกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เพื่อรวบรวมรายงานกระทรวงมหาดไทยต่อไป
0-2243-0674 0-2243-2200 www.disaster.go.th