กรุงเทพฯ--30 พ.ค.--กรมประมง
กรมประมง ประกาศปิดอ่าวตัว ก 8 จังหวัด ระหว่าง 1 มิ.ย. ถึง 31 ก.ค. 2559 พร้อมแจ้งเตือนชาวประมงห้ามใช้อวนรุนเคยไนลอนสีแดง (ด้าย 3) ขนาดช่องตา 1.5 มิลลิเมตร เพราะตามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงวันที่ 8 มกราคม 2559 ที่ออกภายใต้พระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 นั้นกำหนดว่าเครื่องมืออวนรุนเคยประกอบเรือยนต์ที่ใช้ทำการประมงที่อนุญาตให้ใช้ได้นั้นต้องมีขนาดช่องตาอวน ๒ x ๒ มิลลิเมตร โดยถุงอวนจะต้องทำด้วยเนื้ออวนชนิดโพลีเอทีลีน (Poly ethylene,PE) สีฟ้า ตาสี่เหลี่ยม แบบไม่มีปมและต้องไม่ติดโซ่เท่านั้น ผู้ฝ่าฝืนมีโทษหนัก ปรับสูงสุด 30 ล้านบาท พร้อมยึดเรือ ถอนใบอนุญาต กรมประมงย้ำว่า มีหลักฐานทางวิชาการยืนยันว่า มาตราการปิดอ่าวส่งผลดี พบสัตว์น้ำมากขึ้นและมีขนาดใหญ่ขึ้น
ตามที่ กรมประมงได้ประกาศปิดอ่าวไทยตอนใน หรืออ่าวไทยรูปตัว ก ระหว่างวันที่ 1 มิถุนายน ถึง 31 กรกฎาคม 2559 เป็นประจำทุกปี ซึ่งเป็นไปตามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ฉบับลงวันที่ 13 สิงหาคม 2556 ที่ประกาศห้ามใช้เครื่องมือทำการประมง 6 ประเภท ในพื้นที่จับสัตว์น้ำบางส่วนของ 8 จังหวัด ได้แก่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี สมุทรสงคราม สมุทรสาคร กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ ฉะเชิงเทรา และชลบุรี และยังมีผลบังคับใช้จนถึงปัจจุบันนั้น อย่างไรก็ตาม ในปี พ.ศ.2559 ซึ่งได้มีการบังคับใช้พระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 แล้ว และได้มีประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่องกำหนดเงื่อนไขเกี่ยวกับรูปแบบของอวน ขนาดของเรือ วิธีที่ใช้ บริเวณพื้นที่ และระยะเวลาในการทำการประมง ที่ผู้ทำการประมงด้วยเครื่องมืออวนรุนเคย ที่ใช้ประกอบเรือยนต์ทำการประมงต้องปฏิบัติ พ.ศ. 2559 โดยกำหนดว่าเครื่องมืออวนรุนเคย ประกอบเรือยนต์ที่ใช้ทำการประมงได้จะต้องเป็นเครื่องมืออวน ที่มีลักษณะคล้ายถุง ถุงอวนจะต้องทำด้วยเนื้ออวนชนิดโพลีเอทีลีน (Poly ethylene,PE) สีฟ้า ตาสี่เหลี่ยม แบบไม่มีปม ขนาดช่องตาอวน ๒ x ๒ มิลลิเมตร เชือกคร่าวล่างปากอวนอาจมีตาปะทัง หรือไม่มีก็ได้ และต้องไม่ติดโซ่ การทำการประมงให้ใช้วิธีการนำถุงอวนประกอบคันรุน ปากอวนมีลักษณะเป็นคันช้อนกาง ออกเป็นรูปคล้ายสามเหลี่ยม ติดตั้งอยู่ด้านหน้าเรือยนต์ แล้วใช้เรือยนต์ผลักดันเครื่องมืออวนรุนเคย ให้เคลื่อนที่ไปข้างหน้า ดังนั้น เครื่องมืออวนรุนเคยที่ใช้เนื้ออวนไนลอน หรืออวนมุ้งพลาสติกขนาดช่องตา 1.5 มิลลิเมตร หรืออวนไนลอนสีแดง (ด้าย 3) ซึ่งที่ผ่านมาเคยได้รับการยกเว้นให้สามารถใช้ได้ตามประกาศเมื่อปี 2556 ไม่สามารถได้อีกต่อไป
กรมประมง จึงขอประกาศย้ำให้ชาวประมงทราบ และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด โดยจะมีการตั้งศูนย์เฉพาะกิจและออกปฏิบัติการร่วมกับศูนย์ประสานการปฏิบัติในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล) ออกลาดตระเวณ 24 ชั่วโมง ผู้ฝ่าฝืนมีโทษหนัก ปรับสูงสุด 30 ล้านบาท พร้อมยึดเรือ ถอนใบอนุญาต