กรุงเทพฯ--31 พ.ค.--กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สะพานขาว กรุงเทพฯ พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เป็นประธานการประชุมศูนย์ปฏิบัติการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ศปก.พม.) ครั้งที่ ๓๙๔/๒๕๕๗-๒๕๕๙ เพื่อรับทราบปัญหาทางสังคมต่างๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน และร่วมหาแนวทางการแก้ไขปัญหาและการป้องกันปัญหาดังกล่าว โดยมีผู้บริหารและผู้แทนจากหน่วยงานในกระทรวงฯ เข้าร่วมประชุม
พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวว่า จากกรณีชายอายุ ๔๙ ปี ประกอบอาชีพเป็นครูสอนภาควิชาเทคโนโลยียานยนต์ ของวิทยาลัยเทคโนโลยีแห่งหนึ่งในจังหวัดนครสวรรค์ แต่ป่วยเป็นมะเร็งที่บริเวณลำคอและหัวไหล่เกิดเป็นก้อนเนื้อขนาดใหญ่ อยู่บนบ่ามีน้ำหนักกว่า ๕ กิโลกรัม ทำให้ไม่สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่ยังสามารถไปสอนหนังสือได้ ซึ่งขณะนี้ ทางวิทยาลัยให้หยุดการสอนชั่วคราว เพื่อใช้เวลาในการรักษาตัว ต้องอาศัยอยู่กับครอบครัวรวม ๔ ชีวิต โดยมีแม่ชราวัย ๗๐ ปี ป่วยเป็นอัมพาต ซึ่งพี่ชายและน้องชายต้องลาออกจากงานเพื่อมาดูแลแม่และตนเอง ทำให้ขาดรายได้จุนเจอครอบครัว นั้น ตนได้กำชับให้พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครสวรรค์ (พมจ.นครสวรรค์) เร่งลงพื้นที่เยี่ยมครอบครัวเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้การช่วยเหลือในเบื้องต้นตามภารกิจด้านผู้พิการและผู้สูงอายุของกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ พร้อมมอบสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็น โดยเฉพาะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลในเรื่องการตรวจร่างกายและรักษาพยาบาลชายดังกล่าวรวมทั้งผู้เป็นแม่อย่างต่อเนื่องในระยะยาวต่อไป
พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับกรณีชายชราวัย ๖๑ ปี อาชีพปั่นจักรยานตระเวนรับจ้างลับมีด มีรายได้วันละไม่กี่สิบบาท ตามร่างกายมีบาดแผล เนื่องจากปั่นจักรยานล้ม ต้องอาศัยเพียงลำพังในกระต๊อบเก่าใกล้ผุพัง ไม่มีไฟฟ้าและน้ำประปาใช้ อาศัยน้ำตามบ่อเพื่อประทังความหิว ด้านชายชราเปิดเผยทั้งน้ำตาว่า ตนมีลูก ๒ คน แต่ปัจจุบัน ไม่สามารถติดต่อได้ จึงคิดถึงและอยากเจอลูกมาก ที่จังหวัดจันทบุรี นั้น ตนได้กำชับให้พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดจันทบุรี (พมจ.จันทบุรี) เร่งลงพื้นที่เยี่ยมชายชราดังกล่าวเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้การช่วยเหลือในเบื้องต้น ตามภารกิจด้านผู้สูงอายุของกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ พร้อมมอบสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็น โดยเฉพาะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลในเรื่องการติดตามลูกและญาตพี่น้อง รวมทั้งการรักษาพยาบาลในระยะยาว และการซ่อมแซมปรับปรุงที่พักอาศัยให้อยู่ในสภาพที่แข็งแรง มั่นคง และถูกสุขลักษณะเหมาะสมกับผู้สูงอายุต่อไป