กรุงเทพฯ--31 พ.ค.--ซีเคร็ท คอมมูนิเคชั่นส์
"เรื่องสเต็กต้องเรา สเต็กรสชาติดี มีคุณภาพ สลัด สปาเก็ตตี้ ไม่เป็นรอง ต้อง "สเต็กน้าหนู" นี่คือสโลแกนของผู้ชายตัวเล็กๆ ที่มีหัวใจนักสู้ ฝ่าฝันอุปสรรคบนเส้นทางธุรกิจ ล้มแล้วล้มอีกไม่รู้กี่ครั้ง แต่เขาก็ไม่เคยท้อ สู้จนประสบความสำเร็จ เป็นเจ้าของเฟรนไชส์ร้านสเต็กที่ใครได้ชิมต้องยกนิ้วให้
นายธวัชชัย โชติพ่วง อายุ 46 ปี เจ้าของร้านสเต็กน้าหนู เผยเคล็ดลับสู่ความสำเร็จ ว่าเมื่อก่อนทำงานโรงงานเป็นนายช่างทำงานมา 19 ปี เจ้านายก็เสียชีวิต บวกกับเศรษฐกิจต้มยำกุ้งในปี 40 ทำให้ต้องสั่งปิดโรงงานที่ประจำอยู่ เลยตัดสินใจรีไทร์ออกมา ซึ่งตอนที่ลาออกมาผมได้เงินชดเชยจากบริษัทมาประมาณล้านกว่าบาท ตอนนั้นก็ไม่รู้จะทำอะไร เพื่อนเลยชวนไปกรีดยางที่ภาคใต้ ผมก็ไปแต่เหนื่อยและร้อนมากๆ ก็คิดว่า เราคงไม่ไหว จึงตัดสินใจกลับมาตั้งหลัก ตอนนั้นผมตัดสินใจทำธุรกิจอู่ต่อเรือไฟเบอร์กลาส, ร้านขายอุปกรณ์ตกปลา แต่ไม่ประสบความสำเร็จเลยสักอย่าง เจ๊งไม่เป็นท่า เงินเก็บที่มีก็หมดไป แถมยังเป็นหนี้ธนาคาร ยอมรับว่าตอนนั้นเครียดมากๆ แต่ชีวิตก็ต้องสู้ต่อไป
น้าหนู เล่าต่อว่า ด้วยความที่เป็นคนชอบทำอาหาร เพื่อนสนิทที่เปิดร้านอาหาร เห็นเราไม่ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจ จึงชวนให้ผมไปช่วยงานที่ร้าน สอนทำอาหารทุกอย่างทั้งอาหารไทยและอาหารฝรั่ง นั่นเองคือจุดพลิกพันให้ผมคิดเปิดร้านสเต็กเป็นของตัวเอง จึงตัดสินใจยืมเงินเพื่อน 5,000 บาท และกลับไปเปิดร้านสเต็กที่อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง โดยเปิดร้านบริเวณหน้าหมู่บ้านพนักงานปตท. ซึ่งขายดีมากๆ กำไรวันละ 3-4 พันบาท เคยขายได้สูสุดวันละ 9,500 บาท โดยตอนที่เราเปิดร้านใหม่ เราก็ค่อยพัฒนาสูตรอาหาร และคัดสรรวัตถุดิบต่างๆ ด้วยตัวเอง ใส่ใจทุกขั้นตอนของการปรุง เพื่อให้ได้รสชาตินุ่มละมุนลิ้น
หลังจากกระแสตอบรับจากผู้บริโภคดีเกินคาด ผมเลยมีความคิดอยากต่อยอดธุรกิจด้วยการขยายเฟรนไชส์ แต่ก็ยังกล้าๆ กลัวๆ เปิดร้านอยู่ 1 ปี จึงตัดสินใจลุยอีกสักตั้ง เลยอพยพครอบครัวกลับไปที่ จังหวัดกำแพงเพชรบ้านเกิด และเปิดร้านสเต็กน้าหนู สาขา 2 แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะมีปัญหาเรื่องทำเลที่ตั้งห่างไกลจากแหล่งชุมชน แต่ผมก็ไม่ยอมแพ้ ลองสู้ดูอีกครั้งยอมตัดใจปิดร้านที่กำแพงเพชร แล้วไปเปิดร้านที่เชียงใหม่ ตอนแรกที่เปิดขายดีมากๆ แต่ด้วยจังหวัดเชียงใหม่เป็นหัวเมืองใหญ่ มีร้านสเต็กเยอะมากๆ ทำให้ผู้บริโภคมีตัวเลือกเยอะ เปิดร้านได้สักพักก็เริ่มไปไม่ไหว รวมทั้งปัญหาด้านวัตถุดิบ ผมเลยต้องปิดร้านและกลับมาเปิดร้านที่ระยองเหมือนเดิม ลองผิดลองถูกกันมาพักใหญ่ ทำให้เราตกตะกอนทางธุรกิจ
ผมมองว่า ปัญหาหลักๆ ของผู้ประกอบการ SME ในประเทศไทย จะประสบปัญหา ดังนี้ คือ 1. เงินทุน 2.ทำเลที่ตั้ง 3.การสร้างแบรนด์ 4.เนื้อคู่ทางธุรกิจ ซึ่งปัญหาเหล่านี้เป็นปัญหาที่ผู้ประกอบการ SME ต้องประสบ และเป็นปัญหาที่แก้ไม่ตก มันทำให้ผู้ประกอบการ SME ทั่วประเทศไม่ประสบความสำเร็จ หรือพูดง่ายๆ ว่าเจ๊งประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลืออยู่ก็เป็นแบบลูกผีลูกคน จึงอยากให้รัฐบาลและหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ หาแนวทางในการแก้ปัญหา หาแหล่งกระจายสินค้า ที่สำคัญควรนำสินค้าของผู้ประกอบการออกสู่ตลาดโลก เพื่อสนับสนุนสินค้าไทย
สำหรับ "ร้านสเต็กน้าหนู" ถือว่าดีขึ้นกว่าเดิม แต่ก็ยังพยายามสู้และพัฒนาแบรนด์สินค้าของเราอย่างต่อเนื่อง ในปัจจุบันเรามีเฟรนไชส์ทั่วประเทศ 11 สาขา โดยตั้งเป้าจะขยายเฟรนไชส์ให้ได้ 30 สาขา สุดท้ายอยากฝากบอกทุกคนที่มีธุรกิจเป็นตัวเองว่า อย่ายอมแพ้ ขอให้อดทน และสู้ต่อไป สำหรับผู้ที่สนใจอยากปรึกษาเรื่องธุรกิจร้านอาหารอย่างผม ลองเข้ามาคุยกันได้ครับผมจะไปร่วมงาน Smart SME Expo 2016 ณ ชาเลนเจอร์ 3 อิมแพค เมืองทองธานี ในวันที่ 30 มิ.ย.-3 ก.ค.2559 เผื่อความคิดของผมจะช่วยผู้ประกอบการรายอื่นๆ ได้ครับ