กรุงเทพฯ--31 พ.ค.--กลุ่มประชาสัมพันธ์ กระทรวงวัฒนธรรม
นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม(รมว.วธ.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ครั้งที่ 1/2559 ที่ห้องประชุม 1 ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ว่า วธ.โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ได้ดำเนินการผลักดันให้มีกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม เพื่อเป็นการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของไทยให้มีการสืบทอดอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน โดยจัดทำพ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม พ.ศ.2559 โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 2 มีนาคม 2559 ซึ่งสอดคล้องกับอนุสัญญาว่าด้วยการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ขององค์การ การศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก โดยที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ได้พิจารณากำหนดบทบาทหน้าที่การดำเนินงานของกรมส่งเสริมวัฒนธรรมตามพระราชบัญญัติดังกล่าว ได้แก่ 1.มีหน้าที่เตรียมการยกร่างประกาศและระเบียบตามที่ปรากฏในพ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม พ.ศ. ...2.แจ้งปลัดกรุงเทพมหานครและผู้ว่าราชการจังหวัด 76 จังหวัด เพื่อดำเนินการตามพ.ร.บ. และ3. ประกาศขึ้นทะเบียนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ ซึ่งที่ผ่านมา สวธ.ได้ประกาศขึ้นทะเบียนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติไว้อยู่ก่อนวันที่พ.ร.บ.ฉบับนี้บังคับใช้ จำนวนทั้งสิ้น 318 ราย
รมว.วธ. กล่าวว่า นอกจากนี้ได้มอบหมายให้ สวธ. เตรียมส่งรายชื่อมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของไทยเข้าสู่บัญชีมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของโลก จำนวน 5 รายการ ได้แก่ โขน สำรับอาหารไทย นวดแผนไทย โนรา มวยไทย โดยตั้งเป้าจะเสนอรายชื่อปีละ 1 รายการ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเสนอรายชื่อได้ภายในเดือนมีนาคม ปี 2560 โดยจะเริ่มจากโขนเป็นรายการแรก เนื่องจากเป็นการแสดงที่มีความโดดเด่น ชัดเจน และแสดงถึงภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของไทยที่สมบูรณ์ ซึ่งประกอบด้วย ภูมิปัญญาในเรื่องของชุดการแสดง ช่างฝีมือ เพลงประกอบ ท่วงท่าเทคนิคการแสดง ทั้งนี้ องค์การยูเนสโกได้มีการส่งเสริมให้ประเทศสมาชิกได้มีการสงวน รักษาและสืบทอดมรดกภูมิปัญญาของแต่ละประเทศ ซึ่งประเทศไทย โดยวธ.ได้ผลักดันพ.ร.บ.ว่าด้วยมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ พ.ศ. ...ปัจจุบันผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีและอยู่ระหว่างรอกระทรวงการต่างประเทศนำเสนอเข้าสู่การเป็นสมาชิกภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ (Convention for the Safeguarding of the Intangible Cultural Heritage) ของยูเนสโก ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนสมาชิกกว่า 150 ประเทศทั่วโลก