กรุงเทพฯ--21 ก.ย.--บขส.
ทางบริษัทขนส่ง จำกัด (บขส.) และรถร่วม บขส.ได้ปรับอัตราค่าโดยสารอย่างเป็นทางการ โดยในส่วนของรถ บขส.นั้นจะปรับราคาขึ้นกิโลเมตรละ 2 สตางค์ หรือประมาณร้อยละ 13|15 คือจากระยะทางตั้งแต่ 1|40 กิโลเมตร ปรับขึ้น 2 สตางค์ จากระยะทาง 41 กิโลเมตรไม่เกิน 150 กิโลเมตร ปรับขึ้น 2 สตางค์ และระยะทางที่เกิน 150 กิโลเมตร ปรับขึ้น 2 สตางค์ โดยอิงราคา น้ำมันที่ระดับ 12.50|13.72 บาทต่อลิตรส่วนรถร่วม บขส.นั้นจะปรับขึ้นประมาณ 2-9 สตางค์ต่อกิโลเมตร คือระยะทางตั้งแต่ 0-40 กิโลเมตร ปรับราคาขึ้น 9 สตางค์ ระยะทางจาก 41|100 กิโลเมตรปรับขึ้นอีก 2 สตางค์ ระยะทาง 101|150 กิโลเมตรปรับขึ้นอีก 7 สตางค์ และระยะทางตั้งแต่ 151 กิโลเมตร ปรับขึ้นอีก 2 สตางค์ ขณะเดียวกัน นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการเรือโดยสารประจำทางว่า จากกรณีที่นางสุภาพรรณ พิชัยรณรงค์สงคราม รองประธานบริษัทเรือด่วนเจ้าพระยาได้ขอปรับค่าโดยสารเรือด่วนเจ้าพระยาจากอัตราเดิมเก็บตามระยะทาง 4, 6, 8 บาท เป็น 8, 6, 10 บาทนั้น ทางคณะกรรมการฯ พิจารณาแล้วเห็นว่าข้อมูลด้านปริมาณผู้โดยสารและต้นทุนที่เอกชนได้เสนอมานั้น มีความใกล้เคียงกัน จึงเห็นควรให้บริษัทเรือด่วนเจ้าพระยาสามารถปรับค่าโดยสารได้โดยกระทรวงคมนาคมจะสั่งการให้กรมเจ้าท่าออกเป็นประกาศให้กับประชาชนผู้ใช้บริการรับทราบอีกครั้งหนึ่งซึ่งการปรับค่าโดยสารครั้งนี้ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อประชาชนมากนายไชยา กล่าวว่า ปัจจุบันเรือด่วนเจ้าพระยาวิ่งอยู่ในเส้นทางจากท่าวัดราชสิงขรถึงท่าน้ำนนทบุรี รวมระยะทางกว่า 50 กิโลเมตร ซึ่งทางกระทรวงคมนาคมก็ไม่ได้มีการปรับค่าโดยสารให้กับผู้ประกอบการมาเป็นเวลานานแล้ว และบริษัทระบุว่า บริษัทใกล้จะลดจำนวนเที่ยววิ่ง แต่จากการดูตัวเลขผู้ใช้บริการพบว่ามีผู้ใช้บริการค่อนข้างมากเกือบทุกช่วงเวลา ซึ่งหากลดเที่ยววิ่งก็อาจจะส่งผลกระทบต่อประชาชนได้ ส่วนเรือด่วนแหลมทองและเรือข้ามฝากขณะนี้ยังไม่ปรับค่าโดยสารแต่อย่างใดอย่างไรก็ตาม นายปิยะพันธ์ จำปาสุด รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า ขณะนี้ได้มีผู้ประกอบการรถร่วมบขส. ได้ทยอยมาแก้ไขสัญญาเกือบจะครบแล้ว ซึ่งหากผู้ประกอบการรายใดยังไม่มาแก้ไขสัญญาก็ยังไม่สามารถจะปรับราคาขึ้นได้ตามที่กรมขนส่งทางบกได้ประกาศไว้ การปรับราคาก็ต้องถือว่าผิดกฎระเบียบ กรมฯสามารถเอาผิดได้ ส่วนกรณีที่รถมินิบัสลักลอบเก็บค่าโดยสารจาก 3.50 บาท เป็น 5 บาทนั้น ทางกรมฯ จะเร่งเข้าไปตรวจสอบ แต่ก็ไม่สามารถที่เข้าไปตรวจได้อย่างทั่วถึง เพราะมีบุคลากรน้อย ดังนั้น หากประชาชนผู้ใดพบเห็นก็สามารถมาแจ้งกับกรมฯได้เพื่อจะเข้าไปตรวจสอบหาข้อเท็จจริงและดำเนินการตามกฎระเบียบของกรมฯ ต่อไป--จบ--
-สส-