กรุงเทพฯ--6 มิ.ย.--Worklink PR
SMART มองภาพรวมตลาดวัสดุก่อสร้าง ไตรมาส 2 ถึงครึ่งปีหลัง ปรับตัวดีขึ้น ชูจุดยืน รุกตลาดกลุ่มผู้รับเหมารายย่อย สถาปนิก ขยายฐานลูกค้า พร้อมสร้างแบรนด์แนะนำผลิตภัณฑ์ ชี้การแข่งขันด้านราคาดุเดือดต่อเนื่อง วางกลยุทธ์ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ "อิฐมวลเบาสำหรับงานตกแต่ง" เพิ่มมาร์จิ้น ขณะที่ตลาด AEC เดินหน้าเจรจาตัวแทนใน ลาว เมียนมาร์ เวียดนาม เพิ่มช่องทางอัพรายได้ในอนาคตนายรังสี ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท สมาร์ทคอนกรีต จำกัด (มหาชน) (SMART) ผู้ผลิตและจำหน่ายอิฐมวลเบาด้วยระบบอบไอน้ำภายใต้ความดันสูงเพื่อใช้ในงานก่อสร้างและงานกั้นผนังอาคาร เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดวัสดุก่อสร้าง-อิฐมวลเบาในประเทศ จะค่อยๆปรับตัวดีขึ้นตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2 ต่อเนื่องไปจนถึงปลายปีนี้ โดยเป็นผลจากโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐที่เริ่มทยอยดำเนินโครงการ และส่งผลให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์กลับมาลงทุนในโครงการใหม่มากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง
ทั้งนี้บริษัทวางกลยุทธ์เพื่อรุกตลาด ขยายฐานลูกค้า ในกลุ่มผู้รับเหมารายย่อยและสถาปนิกมากขึ้น เนื่องจากเป็นกลุ่มลูกค้าที่ใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทโดยตรง สามารถให้คำแนะนำที่มีผลต่อการตัดสินใจกับเจ้าของโครงการ โดยเตรียมจัดกิจกรรมต่างๆเพื่อแนะนำคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ที่เชื่อถือได้ มีความคุ้มค่าทั้งด้านความแข็งแรงในการก่อสร้าง การอยู่อาศัย กระบวนการผลิตมีความทันสมัยมีมาตรฐานระดับสากล และเน้นการสร้างแบรนด์ "SMART บล็อคเย็น" ให้เป็นที่รู้จัก ได้รับความเชื่อถือจากกลุ่มผู้ใช้งานทั่วประเทศ
อย่างไรก็ตามภาวะการแข่งขันด้านราคาในตลาดอิฐมวลเบายังอยู่ในระดับที่รุนแรง โดยมีการลดราคาเพื่อแข่งขันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทได้มีการปรับกลยุทธ์รองรับโดยเตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ "อิฐมวลเบาสำหรับงานตกแต่งผนังภายใน-นอก" เพื่อเป็นการเพิ่มมาร์จิ้นสินค้าให้สูงขึ้น อีกทั้งยังเป็นการสร้างความหลากหลายให้กับผลิตภัณฑ์
"ตลาดในปัจจุบันยังมีความต้องการใช้อิฐมวลเบาอย่างแพร่หลาย และมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งบริษัทได้เริ่มมีการจัดกิจกรรมการตลาด เพื่อแนะนำแบรนด์ "SMART บล็อคเย็น" และผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยล่าสุดได้ร่วมออกบูธในงานสถาปนิก'59 ที่ผ่านมา และมีการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้า มีคำสั่งซื้อเพิ่มเข้ามาในระดับที่น่าพอใจ และในช่วงต่อจากนี้บริษัทจะดำเนินกิจกรรมการตลาดเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง"นายรังสี กล่าว
สำหรับตลาดต่างประเทศคาดว่าสัดส่วนรายได้ปีนี้จะปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ประมาณ 3-4 % โดยบริษัทได้เข้าไปจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในประเทศกัมพูชาและมีคำสั่งซื้อสินค้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทยังคงเดินหน้าขยายตลาดในกลุ่มประเทศ AEC เพิ่มมากขึ้น โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม เพื่อทำการกระจายสินค้าให้ครอบคลุม เพิ่มช่องทางการสร้างรายได้ให้เพิ่มขึ้นในอนาคต โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปเกี่ยวกับพันธมิตรในประเทศต่างๆช่วง ไตรมาส 4 ปีนี้
สำหรับผลประกอบการงวดไตรมาส 1/2559 ปรับตัวลดลงจากปีที่ผ่านมา โดยรายได้รวมงวดไตรมาส 1/2559 อยู่ที่ 77.125 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีรายได้รวม 86.452 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการลดลง 10.79% และมีผลขาดทุนสุทธิ 8.816 ล้านบาท บริษัทมีปริมาณการจำหน่ายสินค้าเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากการแนะนำสินค้าให้เป็นที่รู้จัก-เชื่อมั่นกับกลุ่มลูกค้า เพิ่มจำนวนรถขนส่งเพื่อการบริการที่รวดเร็วและครอบคลุมพื้นที่ต่างๆมากขึ้น รวมทั้งมีการจำหน่ายสินค้าไปยังประเทศกัมพูชา อย่างไรก็ตามราคาจำหน่ายอิฐมวลเบามีการปรับตัวลดลง ส่งผลให้กำไรขั้นต้นมีการปรับตัวลดลงและเกิดเป็นขาดทุนสุทธิจำนวนดังกล่าว