กรุงเทพฯ--6 มิ.ย.--อินทิเกรเต็ด คอมมูนิเคชั่น
เครือสหพัฒน์ ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลพลิกโฉมรูปแบบการซื้อ-ขายสินค้าในงานสหกรุ๊ปแฟร์ ครั้งแรกของงานแสดงสินค้าในเมืองไทยกับการสร้างร้านค้าเสมือนจริง QR Code ร้านค้าเสมือนจริง 3D และห้องลองเสื้อเสมือนจริง เพื่อให้ผู้สนใจเลือกซื้อสินค้าจากระบบอี-คอมเมิร์ซผ่านเว็บไซต์ ethailandbest.com เพิ่มความสะดวกสบายและรวดเร็ว ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่และกลุ่มลูกค้าในประเทศอาเซียน
นายบุญเกียรติ โชควัฒนา ประธานกรรมการบริษัทและประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ในฐานะประธานจัดงานสหกรุ๊ปแฟร์ กล่าวว่า ปัจจุบัน เทคโนโลยีดิจิทัลได้เพิ่มบทบาทความสำคัญต่อชีวิตประจำวันของคนไทยมากขึ้น โดยเฉพาะการซื้อ-ขายสินค้า ซึ่งได้เปลี่ยนรูปแบบมาเป็น การซื้อ-ขายผ่านอินเทอร์เน็ตมากขึ้น เครือสหพัฒน์ได้เล็งเห็นแนวโน้มของการเปลี่ยนแปลงนี้จึงได้ให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าว โดยนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้ในงานสหกรุ๊ปแฟร์เพื่อให้การซื้อ-ขายสินค้าทำได้สะดวกรวดเร็ว ทุกที่ทุกเวลา ตอบรับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่ รวมทั้งกลุ่มลูกค้าในประเทศอาเซียน และยังเป็นการเปลี่ยนแปลงเพื่อก้าวเข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy) ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของประเทศที่จะมุ่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้
"สหกรุ๊ปแฟร์ปีนี้จัดขึ้นป็นครั้งที่ 20 ภายใต้แนวคิด An Honest Digital World ที่สื่อถึงการยึดมั่นในคุณภาพที่มีต่อโลกและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนความซื่อสัตย์และคุณธรรมที่มีต่อลูกค้าและสังคม ขณะเดียวกันยังได้นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้ในการซื้อ-ขายสินค้า ด้วยการสร้าง ร้านค้าเสมือนจริง QR Code เพื่อนำเสนอสินค้าผ่านจอทีวี วิดีโอ หรือ Light Box โดยลูกค้าสามารถใช้สมาร์ตโฟนสแกน QR Code เพื่อเชื่อมโยงเข้าสู่เว็บไซต์ ethailandbest.com และสั่งซื้อสินค้าได้ทันที พร้อมตัดชำระเงินผ่านระบบธนาคาร ePayment และยังมีบริการส่งสินค้าถึงบ้านฟรีเช่นเดียวกับการซื้อสินค้าปกติ ซึ่งนับครั้งแรกของงานแสดงสินค้าในเมืองไทยที่มีการสร้างร้านค้าเสมือนจริงเพื่อเป็นช่องทางการขายสินค้าเพิ่มเติมจากวิธีการขายปกติ" นายบุญเกียรติ กล่าว
นอกจากร้านค้าเสมือนจริง QR Code แล้ว ภายในงานยังมี ร้านค้าเสมือนจริง 3D (Virtual Augmented Reality Store) โดยจำลองห้างสรรพสินค้า ร้านค้าสะดวกซื้อ พร้อมพนักงานขายเสมือน เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าไปยังโลกเสมือน 3 มิติ เลือกซื้อสินค้าเสมือนตนเองยืนอยู่กลางห้างสรรพสินค้า มีพนักงานขายเสมือนคอยบริการ เพลิดเพลินกับการเรียนรู้คุณลักษณะสินค้าจาก Rich Media (สื่อดิจิทัลคุณค่าสูงที่หลากหลาย) โดยลูกค้าสามารถเลือกสินค้าที่ต้องการ สั่งซื้อด้วยโทรศัพท์มือถือสมาร์ตโฟนโดยสแกนจาก QR Code ตามสินค้าที่เลือก เพื่อเชื่อมโยงไปยังเวบไซต์ eThailandbest.com พร้อมบริการตัดชำระเงินผ่านระบบธนาคาร ePayment และบริการจัดส่งสินค้าฟรีถึงบ้านอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ยังมี ห้องลองเสื้อผ้าเสมือน (Virtual Fitting Room) ซึ่งได้จำลองห้องลองเสื้อผ้าที่ลูกค้าสามารถเลือกเสื้อผ้าและลองสวมใส่ได้อย่างง่ายดาย เพียงยืนอยู่ด้านหน้าของจอภาพ ระบบจะนำภาพของลูกค้าถ่ายไปยังหน้าจอ และคำนวณขนาดของสรีระ เตรียมพร้อมให้ลูกค้าเลือกเสื้อผ้าที่สนใจจากหน้าจอ หลังจากเลือกแล้วระบบจะนำเสื้อผ้าที่ถูกเลือกจำลองสวมเข้าตามสรีระในหน้าจอ เสมือนได้เปลี่ยนชุดในห้องลองโดยไม่จำเป็นต้องถอดเสื้อผ้าที่สวมใส่ออก และลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้าได้ทันทีขณะลองเสื้อผ้าด้วยการสแกน QR Code ของสินค้าผ่านโทรศัพท์มือถือสมาร์ตโฟน เพื่อเชื่อมโยงอัตโนมัติไปยังเวบไซต์ eThailandbest และตัดการชำระเงินผ่านระบบ ePayment
นอกจากนี้ เครือสหพัฒน์ ยังได้นำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อสร้างสีสันให้กับงานมากขึ้น อาทิ การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายทางออนไลน์ โดยผู้สนใจสามารถเข้าไปร่วมเล่นเกมที่เว็บไซต์ th.gotchamail.com เพื่อรับสิทธิพิเศษมากมายทั้งโปรโมชั่นและของพรีเมียมที่จะนำไปใช้ในงานสหกรุ๊ปแฟร์ รวมทั้งได้มีการพัฒนาแอพพลิเคชั่น Saha Group Online ที่สามารถนำมาสแกนป้ายสินค้าเพื่อชมรายละเอียดของสินค้าเพิ่มเติม
สำหรับงานสหกรุ๊ปแฟร์ปีนี้จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 มิถุนายน-3 กรกฎาคมนี้ ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยจะมีการจัดแสดงนวัตกรรม รวมทั้งสินค้าและบริการใหม่ที่บริษัทในเครือสหพัฒน์ได้พัฒนาขึ้น เพื่อส่งเสริมการค้าการลงทุนทั้งในประเทศและส่งออก นอกจากนี้ จะมีสินค้าในเครือสหพัฒน์มาจำหน่ายในราคาพิเศษกว่า 1,000 คูหา อาทิ อาหารและเครื่องดื่ม ของใช้ภายในบ้าน เสื้อผ้า เครื่องหนัง รองเท้า เครื่องสำอาง เครื่องกีฬา เครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งล้วนเป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงและมีคุณภาพ พร้อมบริการส่งสินค้าฟรีถึงบ้าน อีกทั้งยังมีกิจกรรม แฟชั่นโชว์ และการสัมมนามากมาย ที่เปิดให้เข้าชมและเข้าฟังโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
"ในปีนี้เครือสหพัฒน์ยังคงเดินหน้าลงทุนเพิ่ม โดยจะมีการเซ็นสัญญาร่วมทุนกับต่างประเทศหลายโครงการ อาทิ การเซ็นสัญญาระหว่างบริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) กับ Japanese Ramen ประเทศญี่ปุ่น เพื่อดำเนินกิจการร้านราเมง การเซ็นสัญญาระหว่างบริษัท สหพัฒนาอินเตอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) กับ MayFlower Group ประเทศมาเลเซีย เพื่อดำเนินธุรกิจให้บริการทัวร์ที่มีความหลากหลายและครบวงจร การเซ็นสัญญาระหว่างเครือสหพัฒน์กับ World Co.,Ltd เพื่อก่อตั้งบริษัทร่วมทุนชื่อว่า World Saha Fashion และการเซ็นสัญญาระหว่างบริษัท ไทยอรุซ จำกัด และ MK GROUP เพื่อก่อตั้งบริษัท Arusu Myanmar ขยายธุรกิจทางด้านการออกแบบตกแต่งไปยังประเทศเมียนมาร์" นายบุญเกียรติ กล่าว