กรุงเทพฯ--8 มิ.ย.--กลุ่มประชาสัมพันธ์ กระทรวงวัฒนธรรม
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในฐานะประธานในพิธีเปิดการสัมมนาทางวิชาการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคล เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ 70 ปี 9 มิถุนายน2559 เรื่อง "ใต้ร่มพระบารมี 70 ปี แห่งการครองราชย์" และปาฐกถาพิเศษ เรื่อง "พระมหากษัตริย์ผู้ทรงครองราชย์ยาวนานที่สุดในโลก" ที่โรงแรม เดอะ สุโกศล กรุงเทพฯ เมื่อเร็วๆนี้ ว่า การจัดกิจกรรมการสัมมนาในครั้งนี้ถือเป็นกิจกรรมลำดับแรกๆ ของรัฐบาล ที่ได้จัดขึ้นในโอกาสสำคัญที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ 70 ปี 9 มิถุนายน 2559 ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาประเทศไทยมีความเจริญรุ่งเรืองในหลายด้าน โดยตลอดระยะเวลา 70 ปีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองสิริราชสมบัตินั้น ประเทศไทยได้ผ่านพ้นวิกฤติต่างๆและมีความเจริญรุ่งเรืองเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ดังนั้น ประชาชนชาวไทยทุกคนควรพร้อมใจกันแสดงความจงรักภักดีและน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ เนื่องในโอกาสมหามงคลเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ 70 ปี 9 มิถุนายน2559 รัฐบาลได้ร่วมกับประชาชนจัดกิจกรรมต่างๆ ได้แก่ โครงการบรรพชาอุปสมบท 770 รูป ซึ่งสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี รวมทั้งกระทรวงวัฒนธรรม(วธ.) ยังได้จัดพิมพ์หนังสือที่ระลึก อาทิ หนังสือนามานุกรมพระมหากษัตริย์ไทย หนังสือพระบรมราชานุสรณ์ สัตตบูรพกษัตริยาธิราช อุทยานราชภักดิ์ หนังสือประวัติศาสตร์ชาติไทยและหนังสือนพรัชบรมราชจักรีวงศ์ โดยได้มอบให้ห้องสมุด สถานศึกษา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั่วประเทศ อีกทั้งยังจัดกิจกรรมการสัมมนาทางวิชาการเฉลิมพระเกียรติฯ เรื่อง "ใต้ร่มพระบารมี 70 ปี แห่งการครองราชย์" ซึ่งมีผู้ทรงคุณวุฒิที่เคยรับใช้สนองแนวพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร่วมเป็นวิทยากรบรรยายให้ความรู้ อาทิ ดร.สุวิชญ์ รัศมิภูมิ ดร.รอยล จิตรดอน และดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร โดยมีนิสิต นักศึกษา นักวิชาการ ครู อาจารย์จากสถาบันการศึกษาทั่วประเทศทั้งภาครัฐและเอกชน และประชาชนผู้สนใจเข้าร่วมสัมมนากว่า 250 คน ซึ่งจะเป็นการเพิ่มพูนความรู้และนำผลไปดำเนินรอยตามเบื้องพระยุคลบาทสืบทอดพระราชปณิธานที่ได้ทรงวางรากฐานไว้ให้อย่างยั่งยืนยิ่งขึ้น
นายวิษณุ กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ ยังมีการจัดกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย ได้แก่ การจัดนิทรรศการ การก่อสร้างสถานที่สำคัญอันจะเป็นประโยชน์แก่ประชาชน ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่ได้กำหนดว่าการจัดกิจกรรมใดๆ ให้อยู่ในลักษณะ 3 ประการ ได้แก่ 1. ต้องสมพระเกียรติไม่ลด ละหรือตัดทอนขั้นตอนใดๆ ในทางที่บันทอนพระเกียรติยศพระบรมเดชานุภาพ 2. จัดอย่างพอเพียง ประหยัด โดยให้คำนึงถึงผลที่จะได้รับว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ ซึ่งส่วนราชการและภาคเอกชนปัจจุบันได้จัดกิจกรรมเป็นไปตามนโยบายข้อนี้อยู่แล้ว และ 3. ต้องมุ่งสาธารณะประโยชน์ซึ่งเป็นพระราชปณิธานที่สำคัญ โดยระยะเวลาการจัดกิจกรรมจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน2559 - วันที่ 9 มิถุนายน 2560 รวมระยะเวลา 1 ปี อย่างไรก็ตามปีนี้ถือว่าเป็นปีพิเศษเนื่องในโอกาสที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมพรรษา 84 พรรษา การจัดกิจกรรมบางกิจกรรมจะดำเนินการจัดร่วมกันด้วย