กรุงเทพฯ--9 มิ.ย.--เอ็มที มัลติมีเดีย
DRT ฟันธงตลาดวัสดุก่อสร้างผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว หลังกำลังซื้อเริ่มฟื้นตัวจากความต้องการใช้วัสดุเพื่อการปรับปรุงซ่อมแซมที่เพิ่มขึ้นและอานิสงส์ปัญหาภัยแล้งเริ่มคลี่คลายหนุนความเชื่อมั่นผู้บริโภคในครึ่งปีหลังมีทิศทางปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง ดันตลาดค่อยๆ ฟื้นตัวได้ดี แถมมีปัจจัยจากการลงทุนโครงการภาครัฐเพื่อก่อสร้างโครงข่ายระบบขนส่งมวลชนและสาธารณูปโภคช่วยเสริม ขณะที่ตลาดในกลุ่ม CLMV สุดสดใส หลังยอดส่งออกพุ่งมั่นใจ 3 ปีดันสัดส่วนรายได้จากการส่งออกแตะ 20%
นายสาธิต สุดบรรทัด กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ระบบหลังคา ไม้สังเคราะห์ แผ่นบอร์ด ยิปซัม อิฐมวลเบาและบริการหลังการขายภายใต้แบรนด์ 'ตราเพชร' เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ประเมินภาพรวมตลาดวัสดุก่อสร้างได้ผ่านจุดต่ำไปแล้ว หลังปัจจุบันเริ่มเห็นสัญญาณความต้องการซื้อสินค้ากลุ่มวัสดุก่อสร้างที่เริ่มฟื้นตัวดีขึ้น โดยร้านค้าตัวแทนจำหน่ายวัสดุก่อสร้างรายย่อยเริ่มทยอยสั่งซื้อสินค้าเพื่อเก็บสต๊อกรอการขายให้แก่ลูกค้า ที่ต้องการสั่งซื้อเพื่อนำไปใช้ปรับปรุงซ่อมแซมที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น หลังปัญหาภัยแล้งเริ่มคลี่คลายจะส่งผลดีต่อผลผลิตทางการเกษตรและกำลังซื้อของผู้บริโภคในต่างจังหวัด รวมถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ปรับตัวดีขึ้นหลังจากประกาศตัวเลข GDP ในไตรมาสแรกที่ผ่านมาเติบโต 3.2% สูงที่สุดในรอบ 3 ปี
ทั้งนี้ ภาพรวมตลาดวัสดุก่อสร้างต่อจากนี้ จะเริ่มทยอยฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไปตั้งแต่ในช่วงครึ่งปีหลังเป็นต้นไป แม้ว่าจะเข้าสู่ช่วงนอกฤดูกาลขายสินค้าก็ตาม เนื่องจากมีปัจจัยสนับสนุนจากการลงทุนภาครัฐในโครงการก่อสร้างโครงข่ายระบบขนส่งมวลชน ระบบสาธารณูปโภคและโครงการปรับปรุงอาคารสถานที่ราชการ ซึ่งจะส่งผลดีต่อความต้องการใช้สินค้าวัสดุก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น
"เรามองว่าตลาดวัสดุก่อสร้างในช่วงครึ่งปีแรกผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และจะเริ่มมีทิศทางปรับตัวดีขึ้นโดยสินค้าที่มีอัตราการเติบโตที่ดี คือกลุ่มไม้สังเคราะห์ที่ผู้บริโภคนิยมนำไปใช้ตกแต่งที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น ซึ่งหากภาครัฐมีเริ่มลงทุนก่อสร้างโครงการก่อสร้างสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภคกล้าจับจ่ายใช้สอยเพื่อซื้อสินค้าวัสดุก่อสร้างเพิ่มขึ้นตามไปด้วย" นายสาธิต กล่าว
กรรมการผู้จัดการ DRT กล่าวว่า ส่วนสถานการณ์ตลาดส่งออกวัสดุก่อสร้างช่วงครึ่งปีแรก พบว่า การส่งออกสินค้าไปจำหน่ายในกลุ่มประเทศ CLMV+I ได้แก่ ประเทศกัมพูชา สปป.ลาว เมียนมาร์ เวียดนามและอินโดนีเซีย ถือว่ามีอัตราเติบโตที่ดี โดยตลาดเมียนมาร์มีอัตราเติบโตโดดเด่นที่สุดในช่วง 5 เดือนแรก ส่งผลดีต่อสัดส่วนรายได้จากการส่งออกของ DRT ในช่วงไตรมาส 1/59 ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นมาเป็น 18% จากสิ้นปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 16% ซึ่งถือว่าดีกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้พอสมควร
ส่วนแนวโน้มตลาดส่งออกครึ่งปีหลังคาดว่าจะขยายได้อย่างต่อเนื่อง จากความต้องการใช้สินค้าวัสดุก่อสร้างในกลุ่ม CLMV เพื่อการพัฒนาประเทศตามการขยายตัวของเศรษฐกิจ โดยพบว่าสินค้ากลุ่มแผ่นบอร์ดเป็นที่ต้องการของตลาดเพื่อนำไปใช้ในการติดตั้งฝ้าเพดาน ขณะที่สินค้าในกลุ่มกระเบื้องหลังคาทั้งลอนคู่และจตุลอนรวมถึงสินค้าในกลุ่มพื้นยังมีโอกาสขยายตัวได้อีกมากในอนาคต ซึ่ง DRT มั่นใจว่าจะผลักดันสัดส่วนการส่งออกเพิ่มเป็น 20% ของรายได้รวมภายในปี 3 ปี ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้