กรุงเทพฯ--9 มิ.ย.--เอ็ม แอนด์ เอส ครีเอชั่น
THBA ชี้ตลาดรับสร้างบ้าน 2 เดือนแรก Q2/59 อืดหลังเจอวันหยุดยาวสงกรานต์และช่วงเปิดเทอมใหม่ เผยผู้ประกอบการรายเล็ก-ใหญ่แข่งราคาเดือด หวังแค่มีงานและมีเงินหมุนเวียน ด้านส.ไทยรับสร้างบ้านประเมินสภาพการแข่งขัน เทียบเคียงช่วงวิกฤติต้มยำกุ้งปี 40 ส่อรายย่อยไปไม่รอด เสี่ยงทิ้งงาน และอาจกระทบต่อผู้บริโภค แนะสมาชิกใช้ประโยชน์จากการรวมตัวกัน ปรับลดต้นทุนเพื่อแข่งขันกับรายอื่นอย่างได้เปรียบ
สมาคมไทยรับสร้างบ้าน (THAI HOME BUILDERS ASSOCIATION :THBA) เผยเดือนเม.ย.-พ.ค. 2559 ปริมาณบ้านสร้างเองทั่วประเทศชะลอตัว ปัจจัยหลักๆ เป็นผลมาจากผู้บริโภคและประชาชนทั่วไป ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ซึมยาว กอปรกับในเดือนเม.ย.-พ.ค.ที่ผ่านมา มีวันหยุดเทศกาลหลายวัน และเป็นช่วงเปิดเทอมใหม่ของบุตรหลาน ปัจจัยดังกล่าวทำให้ผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายต่างหยุดพักการใช้จ่าย เรื่องบ้านหรือที่อยู่อาศัยเอาไว้ก่อน ซึ่งส่งผลให้ตลาดรับสร้างบ้านในช่วงดังกล่าวกลับมาชะลอตัวอีกครั้ง หลังจากที่ไตรมาสแรกมีสัญญาณฟื้นตัวดีขึ้นแล้ว และเป็นผลให้ผู้ประกอบการแข่งขันราคากันรุนแรงมากขึ้น หลายๆ รายถึงกับยอมหั่นราคาขายจนแทบจะเหลือแค่ต้นทุน เพียงเพื่อต้องการมีงานไว้เลี้ยงช่างและมีเงินหมุนเวียนเท่านั้น สวนทางกับต้นทุนค่าวัสดุที่ราคาปรับตัวสูงขึ้น อย่างเช่น เหล็กเส้น ฯลฯ
"สภาพการแข่งขันราคาที่รุนแรงของผู้ประกอบการรายเล็กและรายย่อย อาจดูเป็นผลดีในแง่ของผู้บริโภคที่ตัดสินใจสร้างบ้านในช่วงนี้ เพราะค่าก่อสร้างบ้านราคาลดลงกว่าภาวะปกติ แต่ในอีกมุมหนึ่งอาจกลายเป็นความเสี่ยงได้เช่นกัน หากว่าผู้ประกอบการที่ผู้บริโภคเลือกว่าจ้างรายนั้นๆ มีปัญหาการเงินในภายหลัง เหมือนเช่นที่เคยเกิดปัญหามาแล้ว เมื่อครั้งวิกฤติต้มยำกุ้งปี 2540 ซึ่งผู้บริโภคจำนวนไม่น้อย "สร้างบ้าน ไม่ได้บ้าน" บางรายโชคดีบ้านสร้างเสร็จก่อน แต่ทว่าเมื่อบ้านมีปัญหาต้องซ่อมแซมภายหลัง กลับตามตัวผู้ประกอบการไม่ได้เพราะเลิกกิจการไปแล้ว สิ่งเหล่านี้เป็นบทเรียนที่ผู้บริโภคควรศึกษาและไตร่ตรองมากๆ ก่อนตัดสินใจสร้างบ้านกับผู้ประกอบการรายที่ใช้วิธีหั่นราคาต่ำมากๆ"
อย่างไรก็ดีจากการสำรวจความเห็น ผู้ประกอบการที่เป็นสมาชิกสมาคมฯ ส่วนใหญ่เชื่อมั่นว่าในช่วงโค้งสุดท้ายไตรมาส 2 นี้ ความต้องการสร้างบ้านและกำลังซื้อผู้บริโภคมีโอกาสปรับตัวดีขึ้น หลังผ่านช่วงวันหยุดยาวและเปิดเทอมใหม่ของบุตรหลานแล้ว แต่ก็ยังต้องเผชิญกับการแข่งขันราคาที่รุนแรง ทั้งกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อยและกลุ่มผู้นำตลาด ซึ่งในส่วนของสมาคมฯ นั้นได้ให้คำแนะนำว่า ผู้ประกอบการควรรู้จักใช้ประโยชน์จากความเป็นเครือข่ายสมาชิกสมาคมฯ ที่มีผู้ผลิตและจำหน่ายวัสดุก่อสร้างร่วมอยู่ด้วย โดยหาทางช่วยกันลดต้นทุนการผลิตหรือค่าการตลาดร่วมกัน เพื่อจะทำให้ราคาบ้านต่ำลงและสามารถแข่งขันได้ โดยไม่ทำให้คุณภาพและบริการที่ลูกค้าจะได้รับลดลง ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการแข่งขันกับรายอื่นๆ อย่างไม่เสียเปรียบและผลประโยชน์สูงสุดตกอยู่กับผู้บริโภคที่มาใช้บริการกับกลุ่มสมาชิกสมาคมฯ